NPPG บวก 4% หลังเปิดทางพันธมิตรสิงคโปร์ “BreadTalk” เข้าถือหุ้น 15% เสริมแกร่งธุรกิจอาหาร

NPPG บวก 4% หลังเปิดทางพันธมิตรสิงคโปร์ “BreadTalk” เข้าถือหุ้น 15% เสริมแกร่งธุรกิจอาหาร โดย ณ เวลา 11.08 น. อยู่ที่ระดับ 1.22 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.39% สูงสุดที่ระดับ 1.27 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.22 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.41 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท เอ็นพีพีจี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ NPPG ณ เวลา 11.08 น. อยู่ที่ระดับ 1.22 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 3.39% สูงสุดที่ระดับ 1.27 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.22 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 20.41 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ ภายหลังบริษัทแจ้งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า BTG Vault Pte. Ltd. จะเข้าซื้อหุ้นสามัญของ NPPG จำนวน 285,000,000 หุ้น คิดเป็น 15% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ NPPG จากผู้ถือหุ้นเดิม

ได้แก่ 1.นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย เป็นจำนวนหุ้น 200,000,000 หุ้น คิดเป็น 10.53% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัท 2.นายกำจัด รามกุล เป็นจำนวนหุ้น 35,000,000 หุ้น คิดเป็น 1.84% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด 3.นายชนะชัย ลีนะบรรจง เป็นจำนวนหุ้น 25,000,300 หุ้น คิดเป็น 1.32% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด 4.BNP PARIBAS SINGAPORE BRANCH เป็นจำนวนหุ้น 24,999,700 หุ้น คิดเป็น 1.32% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด และจะทำการซื้อขายเสร็จภายในสิ้นเดือน เม.ย.62

สำหรับการเข้าซื้อหุ้นของ BTG Vault ในครั้งนี้จะนำมาซึ่งจุดแข็งทางด้านการบริหารจัดการร้านค้าปลีกกิจการอาหารและเครื่องดื่มของผู้ลงทุนเอง ผนวกกับจุดแข็งของ NPG เองในด้านบรรจุภัณฑ์และอุตสาหกรรมอาหารรวมไปถึงเครือข่ายคู่ค้าท้องถิ่นมากประสบการณ์ด้านการผลิตและจัดจำหน่ายอาหาร

โดยในปี 61 NPPG มีรายได้ทั้งหมด 1,186 ล้านบาท ประกอบด้วย กลุ่มบรรจุภัณฑ์มีสัดส่วน 55% กลุ่มอาหารปรุงสำเร็จแช่แข็งมีสัดส่วน 28% และกลุ่มร้านอาหารบริการด่วนมีสัดส่วน 17% ซึ่งการผนึกกำลังครั้งนี้จะนำไปสู่ช่องทางทำรายได้ใหม่ๆ ในขณะที่สามารถลดต้นทุนการผลิตลงไปได้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้านนายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานกรรมการบริหาร NPPG เปิดเผยว่า BreadTalk Group นั้นเป็นบริษัทที่เป็นที่ยอมรับและเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารและร้านอาหารในเอเชีย เส้นทางการเติบโตของพวกเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ พวกเขาสามารถสร้างความสามารถในการทำกำไรแบบยั่งยืนในภาคธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงขึ้นมาได้ และเชื่อว่า NPPG ต้องประสานกำลังและมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จาก BreadTalk Group อีกมาก

เนื่องด้วยตอนนี้ทางเรากำลังขยาย Dean & Deluca ด้วยอยู่แล้ว อีกทั้งความรู้และประสบการณ์ของ BreadTalk Group ในด้านร้านอาหารและเครื่องดื่มจะทำให้ทางเราเติบโตไปได้รวดเร็วและแข็งแรงยิ่งขึ้น ในขณะนี้งบแสดงฐานะการเงินของ NPPG มีความสามารถพอที่จะส่งเสริมกลยุทธ์การขยายและการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วได้อย่างเต็มที่ ความร่วมมือกับ BreadTalk Group ครั้งนี้จะทำให้เราได้เห็นผลจากการพยายาม Turnaround ที่รวดเร็วขึ้นในอัตราที่เพิ่มมากขึ้น

โดยขณะนี้ NPPG นั้นใกล้เป้าหมายของการ Turnaround และกำลังเตรียมตัวให้พร้อมรับกับสมรรถนะทางการเงินที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การเติบโตที่รวดเร็ว โดยมุ่งเน้นไปที่อัตราส่วนผลตอบแทนการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารจานด่วน เพื่อให้เป็นการลงทุนที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลซึ่งนำไปสู่การคืนทุนที่รวดเร็ว และขณะนี้ NPPG ก็กำลังประเมินการปรับปรุงโรงงานอาหารแช่แข็ง แช่เย็น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่คาดว่าจะมีการเติมโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ท้ายสุดนี้ ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ของ NPPG ได้ผูกสัมพันธ์กับคู่ค้าทางกลยุทธ์หลักๆ ไว้แล้ว เพื่อรับประกันการสั่งซื้อที่ต่อเนื่องในระยะยาวซึ่งจะทำให้เกิดกำไรที่ยั่งยืน ทางบริษัทได้ทำโครงการลดค่าใช้จ่ายหลักๆไปแล้วเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรตั้งแต่บรรทัดแรกและโครงการเหล่านั้นเริ่มที่จะเกิดผลในไตรมาสที่กำลังจะมาถึงนี้ และด้วยความที่ทางบริษัทถือเงินสดอยู่จำนวนมาก ผู้บริหารระดับสูงจึงกำลังประเมินโอกาสในการเข้าซื้อกิจการที่จะมาเกื้อหนุนธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ของทางกลุ่มและทำให้เกิดการเกื้อกูลกันในแง่ของการลดต้นทุนและเพิ่มทางเลือกสินค้าให้แก่ลูกค้า

นาย Henry Chu ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BreadTalk Group กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักของเราและเราเห็นว่า NPPG นั้นมีสิ่งมีค่าที่ซ่อนอยู่มาก มูลค่าที่แท้จริงนั้นน่าจะถูกดึงออกมาได้ด้วยความชำนาญการและการบริหารที่ถูกต้อง

โดยการเข้าซื้อหุ้นเพื่อส่วนร่วมในการบริหารงานของ NPPG ครั้งนี้จะทำให้เราได้โอกาสทั้งในตลาดประเทศไทยและตลาดแม่น้ำโขง ช่องทางการเข้าถึงร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยที่กว้างขวางของ NPPG นั้นจะเป็นเครือข่ายกระจายสินค้าของเราในอนาคต ความแข็งแรงในธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์อาหารและธุรกิจอาหารแช่แข็งของพวกเขาก็สามารถเกื้อหนุนทางเราได้อีกเช่นกัน เราทั้งคู่มีความตื่นเต้นกับโอกาสในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ที่จะนำมาซึ่งการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันและความร่วมมือกับ NPPG รวมไปถึงคู่ค้าหลักอื่นๆ ของพวกเขาในประเทศไทย

อนึ่ง BreadTalk Group ก่อตั้งขึ้นด้วยการเป็นแบรนด์ขายขนมปังในปี 2543 และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ในปี 2546 BreadTalk ได้มีการขยายกิจการอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นกลุ่มกิจการอาหารและเครื่องดื่มที่ได้รับรางวัลซึ่งประกาศตัวสู่เวทีโลกด้วย ได้แก่ ร้านขนมปัง ร้านอาหาร ศูนย์อาหาร และแนวคิดด้านอาหาร 4orth ของพวกเขา

โดยมีร้านอาหารในเครือเกือบ 1,000 สาขา ใน 16 ประเทศทั่วโลก ซึ่งประกอบไปด้วยแบรนด์ที่เป็นเจ้าของโดยตรง เช่น BreadTalk, Toast Box, Food Republic, Bread Society, Thye Moh Chan, The Icing Room และแบรนด์คู่ค้า เช่น Din Tai Fung, Nayuki (奈雪), TaiGai (台盖), Sō Ramen, Song Fa Bak Kut Teh และ Wu Pao Chun Bakery เป็นต้น

ขณะที่ปัจจุบัน BreadTalk Group มีรายได้ 600 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ มีกำไรสุทธิ 19.9 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์จากการมีสาขาให้บริการอยู่ใน 16 ประเทศ โดยธุรกิจของ BreadTalk Group ในประเทศไทยประกอบไปด้วย ร้านขนมปัง BreadTalk ร้านอาหาร Din Tai Fung และ Song Fa Bak Kut teh รวมถึงศูนย์อาหาร Food Republic

Back to top button