MTC บินโรดโชว์ญี่ปุ่น ปักเป้าปีนี้ทำรายได้-กำไรนิวไฮต่อ รับยอดปล่อยกู้โต

MTC บินโรดโชว์ญี่ปุ่น ปักเป้าปีนี้ทำรายได้-กำไรนิวไฮต่อ รับยอดปล่อยกู้โต พร้อมเดินหน้าแผนขยายสาขาต่อเนื่อง มั่นใจปี 62 ขยับเป็น 4,500 สาขา


นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า ทีมผู้บริหารของบริษัทเตรียมเดินทางไปร่วมงาน dbAccess Asia Conference ที่ประเทศสิงคโปร์ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 จัดโดย Deutsche Bank ซึ่งมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 20 กองทุน และหลังจากนั้นเตรียมบินตรงไปร่วมงาน Thanachart Securities – Daiwa Thai Corporate Day ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 จัดโดยบล.ธนชาต ร่วมกับ Daiwa Asset Management โดยมีกองทุนเข้าร่วมประมาณ 10 กองทุน

“การไปร่วมงานโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ในครั้งนี้  MTC พร้อมอัพเดทข้อมูลให้นักลงทุนสถาบันและกองทุนชั้นนำได้เห็นพัฒนาการของบริษัท ซึ่งมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตสินเชื่อ รายได้ และกำไร ที่เติบโตต่อเนื่อง สร้างสถิติสูงสุดใหม่มาโดยตลอด นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงปลายปี 2557 และคาดว่าในปีนี้ รายได้และกำไรจะเติบโตกว่า 35% จากยอดปล่อยกู้ที่เพิ่มสูงขึ้นตามการขยายตัวของสาขา ที่คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 3,900 สาขา ก่อนขยับเป็น 4,500 สาขา ในปี 2563  ผลักดันรายได้และกำไรนิวไฮต่อเนื่อง ตามแผนการดำเนินในช่วง 3 ปีที่บริษัทได้วางเอาไว้”นายชูชาติ กล่าว

นอกจากนี้  MTC ยังถือโอกาสอัพเดทข้อมูลอันดับเครดิตเรตติ้งใหม่ ที่ทริสเรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเป็นระดับ BBB+/Stable จากเดิมอยู่ในระดับ BBB ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำสถานะองค์กรว่ามีความแข็งแกร่ง มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 1,005.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.60% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 833.63 ล้านบาท และมีสาขา 3,444 สาขา (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562) ซึ่งการปรับเพิ่มเรตติ้งในครั้งนี้ จะช่วยลดต้นทุนการกู้ของ MTC ได้กว่า 0.30%

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากคุณภาพหนี้ หรือ อัตราส่วนหนี้เสียสำหรับไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 1.04% จาก 1.29% สำหรับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 1.12% สำหรับสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 เนื่องจากการติดตามหนี้และการควบคุมกระบวนการปล่อยสินเชื่อ และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ในระดับต่ำเพียง 2.9 เท่า ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทได้เป็นอย่างดี

Back to top button