NER ยืนบวก 2% รับข่าวดีราคายางพุ่ง ฟาก ผบห.ย้ำเป้ารายได้ปี 62 โต 1.35 หมื่นลบ.

NER ยืนบวก 2% รับข่าวดีราคายางพุ่ง ฟาก ผบห.ย้ำเป้ารายได้ปี 62 โต 1.35 หมื่นลบ. โดย ณ เวลา 10.38 น. อยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.59% สูงสุดที่ระดับ 2.58 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.52 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.66 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ณ เวลา 10.38 น. อยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.59% สูงสุดที่ระดับ 2.58 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.52 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.66 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น  NER ปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังมีการรายงานข่าว นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลดีเป็นอย่างมากจากราคายางที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ลูกค้ามีการสั่งสินค้า (Order) เป็นจำนวนมาก เพราะได้มีการประเมินว่าราคายางอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่านี้ แต่ทางบริษัทยังคงขายสินค้าปกติตามสินค้าที่มีอยู่ ซึ่งหากทิศทางราคายางยังมีการปรับตัวสูงขึ้นอีก จะทำให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

โดยสาเหตุที่ทำให้ราคายางที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากราคายางมีการปรับตัวตามตลาดล่วงหน้าต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการใช้ยางแผ่นรมควันในอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศญี่ปุ่นที่มีปริมาณมากขึ้น และความต้องการในการขายยางแผ่นรมควันลดลงในช่วงปิดการกรีดยาง ประกอบกับการยางแห่งประเทศไทยได้ใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพราคายางในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการเข้าไปประมูลยางแผ่นรมควัน เพื่อดูดซับอุปทานส่วนเกินในตลาดกลางยางพาราทั้ง 3 แห่งของการยางแห่งประเทศไทย ทำให้อุปทานส่วนเกินปรับตัวลดลง

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2562 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ดีขึ้นกว่าในช่วงไตรมาส 1/2562 เนื่องจากมีออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง แบ่งเป็นสัดส่วนการขายในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60% โดยออเดอร์หลักของต่างประเทศยังเป็นลูกค้าจากประเทศจีนถึง 60% ของยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ ตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 เป็นต้นไป บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 60,000 ตันต่อปี จากการปรับปรุงโรงงานเสร็จแล้วของโรงงานยางแผ่นรมควันผสม (RSS Mixtures Rubber) โดยจะทำให้มีกำลังการผลิตรวมทั้งปีประมาณ 260,000 ตันต่อปี (กำลังการผลิตเต็มที่ 290,000 ตันต่อปี) จากปี 2561 ที่กำลังการผลิตอยู่ที่ 230,000 ตันต่อปี

ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2562 โรงงานโรงงานยางแท่ง (STR 20) และยางผสม (Mixtures Rubber) แห่งใหม่ ขนาดกำลังการผลิต 170,000 ตันต่อปี ของบริษัทจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ดังนั้นจะส่งผลในช่วงต้นปี 2563 บริษัทจะมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 460,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปี 2561

นอกจากนี้ ในส่วนของภาพรวมในปี 2562 บริษัทยังคงเป้าหมายจะมีรายได้รวม 13,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม 10,084.01 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 486.46 ล้านบาท โดยการเติบโตมีปัจจัยหลักมาจากการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง

Back to top button