MILL ล้มดีลซื้อ “อาร์.เอส.พี.สตีล” เหตุมีแผนปรับโครงสร้างกิจการ

MILL ล้มดีลซื้อ "อาร์.เอส.พี.สตีล" เหตุมีแผนปรับโครงสร้างกิจการบริษัท


บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) อนุมัติให้บริษัท สหร่วมวัสดุก่อสร้าง จำกัด (สหร่วม) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยกเลิกการซื้อทรัพย์สินของบริษัท อาร์. เอส. พี. สตีล จำกัด (RSP) ที่ปัจจุบันสหร่วมใช้พื้นที่ของ RSP ในการจัดเก็บสินค้าอยู่

เนื่องจากบริษัทมีแผนในการปรับโครงสร้างของบริษัท โดยการโอนกิจการบางส่วนของบริษัท (Partial Business Transfer : PBT) ขณะที่บริษัทจะดำเนินธุรกิจเทรดดิ้งเป็นหลัก ร่วมกับสหร่วมในการขยายตลาดในกรุงเทพฯและภูมิภาคต่าง ๆ ในประเทศ ทำให้สหร่วมไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ของ RSP ในการจัดเก็บสินค้า

อย่างไรก็ตาม สหร่วมจะต้องจ่ายค่าใช้ทรัพย์สินให้แก่ผู้จะขายจากการที่สหร่วมเข้าใช้ทรัพย์สินของ RSP เท่ากับค่าเช่าตามราคาตลาด ตั้งแต่วันที่เข้าใช้พื้นที่ 20 พ.ค.58 – 30 มิ.ย.62 รวมระยะเวลา 49 เดือน คิดเป็นมูลค่า 29.4 ล้านบาท ซึ่งจะถูกนำมาหักกับค่าซื้อทรัพย์สินที่ทางสหร่วมได้เคยทยอยจ่ายเป็นเงินมัดจำไปแล้วจำนวน 19.25 ล้านบาท ขณะที่สหร่วมได้เจรจาขอใช้พื้นที่ต่ออีก 3 เดือน นับจากบันทึกข้อตกลงขยายระยะเวลาให้ใช้ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขายครบกำหนด เพื่อใช้ในการขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่ของ RSP โดยไม่มีค่าใช้พื้นที่ และ/หรือค่าปรับปรุงพื้นที่

สำหรับสหร่วม จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 19 พ.ค.58 เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กและวัสดุก่อสร้าง ให้แก่กลุ่มบริษัท โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือลูกค้ารายย่อย และลูกค้าต่างจังหวัด ต่อมา RSP ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท แต่กลุ่มบริษัทไม่มีการถือหุ้นใน RSP นั้น มีความประสงค์ที่จะเสนอขายทรัพย์สินให้แก่บริษัทและสหร่วม ซึ่งมีการกระบวนการและใช้เวลาการดำเนินการนาน จึงได้เจรจาขอใช้ประโยชน์จากที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และเครื่องจักรของ RSP รวมถึงทำ “บันทึกข้อตกลงให้ใช้ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย” ฉบับลงวันที่ 20 พ.ค.58 โดยไม่มีการคิดค่าตอบแทนระหว่างสหร่วม กับ RSP จนกว่าการซื้อขายจะเสร็จสิ้น

แต่หากสหร่วมไม่สามารถทำการซื้อทรัพย์สินภายในระยะเวลาที่ตกลงกันสหร่วมจะต้องจ่ายค่าใช้ทรัพย์สินให้แก่ผู้จะขายจากการเข้าใช้ทรัพย์สินดังกล่าว เท่ากับค่าเช่าตามราคาตลาด โดยสหร่วมได้มีการทำ “บันทึกข้อตกลงขยายระยะเวลาให้ใช้ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย” กับ RSP เรื่อยมาจนถึง 30 มิ.ย. 60 ซึ่งเป็นวันที่”บันทึกข้อตกลงขยายระยะเวลาให้ใช้ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขาย” จะครบกำหนด

ต่อมาเมื่อถึง 30 มิ.ย.60 สหร่วมยังไม่สามารถซื้อทรัพย์สินจาก RSP ให้สำเร็จได้ จากสหร่วมไม่สามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้า จึงมีความจำเป็นต้องนำเงินที่มีอยู่ไปใช้หมุนเวียนในกิจการก่อน จึงได้เจรจากับ RSP เพื่อขอชะลอซื้อทรัพย์สินดังกล่าว และขอทยอยจ่ายค่าซื้อทรัพย์สินให้กับ RSP โดยได้ทำบันทึกข้อตกลงขยายระยะเวลาให้ใช้ทรัพย์สินที่จะซื้อจะขายออกไปจนถึง ณ วันที่ 30 มิ.ย.62 ขณะที่สหร่วมได้ทยอยจ่ายค่าซื้อทรัพย์สินเป็นจำนวน 19.25 ล้านบาทไปแล้ว ก่อนจะนำมาซึ่งการยกเลิกซื้อทรัพย์สินดังกล่าวในที่สุด

Back to top button