PPPM รูด 23% หลังปลด “SP” แจงจ่ายหุ้นกู้ SCB ครบ!-ขอยืดหนี้ล็อต 2 กว่า 319 ลบ.ไปปีหน้า

PPPM รูด 23% หลังปลด “SP” แจงจ่ายหุ้นกู้ SCB ครบ!-ขอยืดหนี้ล็อต 2 กว่า 319 ลบ.ไปปีหน้า


บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน) หรือ PPPM เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศแห่งประเทศไทย (ตลท.)โดยได้ชี้แจงเพิ่มเติมข้อเท็จจริงการชำระหนี้หุ้นกู้จำนวน 260.50 ล้านบาท ว่า จากการที่นายทะเบียนหุ้นกู้ ได้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้โอนเงินจำนวน 260.50 ล้านบาทเข้าบัญชีผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายเมื่อ 30 ก.ค. 62 ซึ่งเป็นความผิดพลาดเนื่องจากบริษัท PPPM ยังไม่ทันได้โอนเงินเข้าบัญชีนั้น

ดังนั้น ในวันที่ 6 สิงหาคม 2562 คณะกรรมการบริษัท จึงได้มีมติให้ดำเนินการชำระเงินคืนให้นายทะเบียนหุ้นกู้และบริษัทได้ดำเนินการคืนเงินด้วยวิธีการโอนเงินด้วยระบบบาทเนตเรียบร้อยแล้ว โดยเงินที่นำมาชำระดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุนซึ่งกำหนดวันจองซื้อและชำระค่าหุ้นเมื่อวันที่ 1-5 กรกฎาคม 2562 จำนวนประมาณ 250 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 บริษัทได้เรียนแจ้งว่า หุ้นกู้ครั้งที่ 2/2561 (TLUXE198A) จำนวน 319.50 ล้านบาท ที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 2 สิงหาคม 2562 บริษัทจะดำเนินการชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยในวันที่ 7 สิงหาคม 2562 โดยเงินที่มาชำระดังกล่าวจะมาจากการขายหลักทรัพย์เพื่อค้า, เงินทุนหมุนเวียนของกิจการและเงินจากการเพิ่มทุน แต่เนื่องจากบริษัทได้นำเงินจากการเพิ่มทุนไปชำระหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2560 จำนวน 216.80 ล้านบาท และบริษัทยังไม่สามารถขายหลักทรัพย์เพื่อค้าได้จึงเป็นผลทำให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้นได้ และด้วยผลจากการที่บริษัทมีเงินกู้ที่มีกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้คืนในหลายช่วงเวลา

รวมทั้งแผนการเพิ่มทุนที่บริษัทได้วางแผนไว้ไม่สำเร็จตามแผนทำให้การจัดการด้านการเงินของบริษัทในการชำระหนี้คืนดังกล่าวไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ทำให้บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงโครงสร้างทางการเงิน และจากเหตุดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทในการประชุมครั้งที่ 16/2562 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 จึงมีมติแจ้งเหตุการณ์การผิดนัดไม่ชำระหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาท และมีมติกำหนดให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 14.00 น. สถานที่จัดประชุมจะแจ้งให้ทราบต่อไป โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนวันที่19 สิงหาคม2562 เวลา 12.00 น. จนกว่าจะประชุมผู้ถือหุ้นกู้แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าว เพื่อขอขยายระยะเวลาการชำระไถ่ถอนเงินต้นหุ้นกู้ดังกล่าว ออกไป 330 วัน นับแต่วันครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 โดยบริษัทจะชำระดอกเบี้ยปกติของงวดวันที่ 2 สิงหาคม 2562 จำนวนประมาณ 5.711 ล้านบาท ในวันที่ 2 กันยายน 2562 และบริษัทจะขอแก้ไขอัตราดอกเบี้ยปกติจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.25 ต่อปี เพิ่มขึ้นอีกอัตราร้อยละ 0.5 ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.75 ต่อปี

โดยบริษัทจะชำระดอกเบี้ยที่จะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ในงวดถัดไปในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 จำนวนเงินประมาณ 6.105 ล้านบาท , วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวนเงินประมาณ 6.105 ล้านบาท และวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 จำนวนเงิน 10.175 ล้านบาท รวมเป็นดอกเบี้ยที่ชำระทั้งหมดนับแต่วันที่ครบกำหนดชำระ (วันที่ 2 สิงหาคม 2562) ถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เป็นเงินจำนวน 22.385 ล้านบาท โดยการชำระดอกเบี้ยในแต่ละงวดจะชำระในวันที่กำหนดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งการชำระหนี้ดังกล่าวมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท สำหรับการชำระหนี้ดอกเบี้ยและเงินต้นเพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 บริษัทจะดำเนินการขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ดำเนินการและขายหลักทรัพย์เพื่อค้า

ทั้งนี้เหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้จำนวนดังกล่าวข้างต้นไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้เงินในหุ้นกู้ตามที่กำหนดไว้ในตามข้อกำหนดสิทธิว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ของ หุ้นกู้ครั้งที่ 1/2561 (TLUXE205A), หุ้นกู้ครั้งที่ 3/2561 (TLUXE199A) และหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2562 (PPPM213A)

 

สำหรับผลกระทบต่อการผิดนัดชำระหนี้สินอื่นๆ เช่น หนี้สถาบันการเงิน และมีผลกระทบที่อาจทำให้เจ้าหนี้เรียกชำระหนี้คืนก่อนกำหนดหรือไม่ อย่างไรนั้น บริษัทฯ ขอเรียนว่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีภาระหนี้กับสถาบันการเงิน 2 แห่งรวม 927 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้สินระยะสั้น จำนวน 340 ล้านบาท (วงเงินทุนหมุนเวียน) และหนี้สินระยะยาว จำนวน 587 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2561 จำนวน 319.5 ล้านบาท ยังมิได้ส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์ผิดนัดชำระหนี้สถาบันการเงินดังที่บริษัทได้เรียนมาข้างต้น และบริษัทยังสามารถชำระหนี้ให้กับสถาบันการเงินดังกล่าวข้างต้นได้

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ปลดเครื่องหมาย “SP” หลักทรัพย์ PPPM ภายหลัง PPPM ได้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกรณีนายทะเบียนหุ้นกู้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าข้อมูลที่บริษัทเปิดเผยว่ามีการชำระหนี้หุ้นกู้โดยนายทะเบียนหุ้นกู้ไม่เป็นความจริงซึ่งเป็นข้อมูลที่มีนัยสำคัญ และอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท บัดนี้บริษัทได้เปิดเผยสารสนเทศสำคัญดังกล่าว ผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว และขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูล ด้วยความรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

ด้านราคาหุ้น PPPM ล่าสุด ณ เวลา 10.21 น. อยู่ที่ระดับ 1.50 บาท ปรับตัวลดลง 0.47 บาท หรือ 23.86% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29.04 ล้านบาท

Back to top button