BGRIM ทะยาน 4% ทำ “ออลไทม์ไฮ” รับข่าว COD โซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 3 โครงการฟันรายได้ 3 พันลบ.

BGRIM ทะยาน 4% ทำ “ออลไทม์ไฮ” รับข่าว COD โซลาร์ฟาร์มเวียดนาม 3 โครงการฟันรายได้ 3 พันลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ณ เวลา 16.09 น. อยู่ที่ระดับ 43.25 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.59% สูงสุดที่ระดับ 43.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 41.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 774.06 ล้านบาท

ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM กล่าวว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) โครงการ DAU TIENG 1 และ DAU TIENG 2 (DT1& DT2) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 420 เมกะวัตต์ (MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phu Yen TTP ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ รวม 2 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 677 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ได้ผลิตไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อเดือน มิ.ย. 2562 ได้สร้างรายได้ให้บริษัท 181 ล้านบาท และจะสร้างรายได้เพิ่มเป็นไตรมาสละ 800 ล้านบาท

ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2562 บริษัทได้ดำเนินการจัดงานเปิดโครงการ DT1&DT2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 420 เมกะวัตต์อย่างเป็นทางการในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

โดยมีนาย หว๋อ วัน เทื่อง Head of Propaganda and Training Commission, Member of Politburo นายเหงียน วัน บิง Head of Economic Commission, Member of Politburo และพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยนายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน BGRIM รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานรัฐและเอกชนทั้งของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามและประเทศไทยเข้าร่วมพิธีเปิดโรงไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ

สำหรับโครงการ DT1&DT2 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ Electricity of Vietnam (EVN) แล้วเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2562 และวันที่ 13 มิ.ย. 2562 ตามลำดับ ด้วยสัญญาการรับซื้อไฟฟ้าในอัตรา 9.35 เซนต์ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือกว่า 3 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งจะช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงเป็นระยะเวลา 20 ปี

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2562 BGRIM ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โครงการ Phu Yen TTP ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ ทำให้ BGRIM มีกำลังการผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์รวมกว่า 677 เมกะวัตต์ สร้างรายได้ให้บริษัทแล้ว 181 ล้านบาท ในเดือน มิ.ย. 2562 แม้จะเพิ่งเปิดดำเนินการในระหว่างเดือน ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการแล้วของ BGRIM ณ ปัจจุบันเติบโตกว่า 40% จากช่วงต้นปี โดยมีสัดส่วนกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จากเดิมประมาณ 8%

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาที่จะขยายกำลังการผลิตในประเทศเวียดนามเพิ่ม ซึ่งพื้นที่บริเวณโครงการ DT1&DT2 สามารถจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 500 เมกะวัตต์ คาดว่า DT3 จะได้ใบอนุญาต (ไลเซนส์) เพิ่ม 120 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้าง 60 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2562

โดยประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6-7% ต่อปี จึงมองว่ายังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุน

นอกจากนี้ BGRIM อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ในประเทศไทย ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงเดือน ธ.ค. 2562 โดยจะส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2562 จะมีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 46 โครงการ โดยเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 17 โครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 24 โครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 3 โครงการ โครงการขยะอุตสาหกรรม 1 โครงการ และ โรงไฟฟ้าพลังงานดีเซล 1 โครงการ มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 2,896 เมกะวัตต์ และส่งผลให้ปี 2562 มีรายได้เติบโต 15-20% ตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม BGRIM ยังอยู่ระหว่างพิจารณาขยายการลงทุนเพิ่มเติมในโครงการโรงไฟฟ้าในอีกหลายประเทศทั้งในประเทศเวียดนาม เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา รวมถึงระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนไปสู่เป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 5,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565 ก็จะส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 25%

ด้านนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส BGRIM กล่าวว่า โครงการ DT1&DT2 ขนาดกำลังการผลิตรวม 420 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาทต่อปี หากรวมโครงการ Phu Yen TTP ขนาดกำลังการผลิต 257 เมกะวัตต์ ก็จะมีกำลังการผลิตรวม 677 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับปี 2562 บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยในช่วงไตรมาส 4/2562 จะมีการ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 เมกะวัตต์ ก็จะทำให้สิ้นปีมีกำลังการผลิตรวม 2,896 เมกะวัตต์

Back to top button