ชิม ช้อป …ฉ่าย

ดราม่าโซเชียล “ชิมช้อปใช้” ระบบล่ม คนทิ้งรถเข็นเกลื่อนห้างโลตัส เพราะคิวยาว รอหลายชั่วโมงจ่ายผ่านแอปฯ ไม่ได้ แบงก์กรุงไทยโต้ทันควันว่าระบบไม่ได้มีปัญหา แต่ห้างบริหารจัดการไม่ดีเอง เพราะ “ชิมช้อปใช้” มีเงื่อนไข ให้เปิดใช้งานได้ 20 จุด ห้างโลตัสลงทะเบียนในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 20 สาขา ก็เลยรับชำระเงินได้แค่สาขาละ 1 จุด จนคิวยาวเหยียด


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

ดราม่าโซเชียล “ชิมช้อปใช้” ระบบล่ม คนทิ้งรถเข็นเกลื่อนห้างโลตัส เพราะคิวยาว รอหลายชั่วโมงจ่ายผ่านแอปฯ ไม่ได้ แบงก์กรุงไทยโต้ทันควันว่าระบบไม่ได้มีปัญหา แต่ห้างบริหารจัดการไม่ดีเอง เพราะ “ชิมช้อปใช้” มีเงื่อนไข ให้เปิดใช้งานได้ 20 จุด ห้างโลตัสลงทะเบียนในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 20 สาขา ก็เลยรับชำระเงินได้แค่สาขาละ 1 จุด จนคิวยาวเหยียด

กล่าวโดยสรุป กระทรวงการคลัง แบงก์กรุงไทย ไม่ผิดอะไร แล้วก็คงจะโพนทะนาต่อไปว่าโครงการนี้ประสบความสำเร็จ เห็นไหม ประชาชนแห่ใช้ล้นหลาม

แต่คำถามคือ นี่เป็นมาตรการกระตุ้นให้คนเดินทางท่องเที่ยวจริงหรือเปล่า ท่องเที่ยวประสาอะไร แห่มาซื้อของโลตัสเนี่ยนะ

ไปถามผู้บริหารโลตัสก็ได้ ทำไมจึงเข้าร่วมโครงการเฉพาะในกรุง 20 สาขา ก็เขารู้ไง คนส่วนใหญ่ใน 10 ล้านคนไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอก เงื่อนไขการลงทะเบียนเพียงบอกให้ไปใช้จ่ายในจังหวัดอื่นที่ไม่ใช่ภูมิลำเนา คน ตจว.ที่มาทำงานกรุงเทพฯ ก็เอามาซื้อของในกรุงนี่แหละ ส่วนคนกรุง ก็ขึ้นรถไปเมืองนนท์ ปากน้ำ รังสิต ใกล้นิดเดียวหาช้อปหาชิมร้านไหนก็ได้ที่เข้าร่วมโครงการ

ตัวเลขใช้จ่ายที่คลังอวด 294 ล้าน จึงมีค่าโรงแรมรีสอร์ทแค่ 7 ล้านเท่านั้น คนออกมาตรการก็รู้แก่ใจ บังคับให้ใช้จ่ายใน 14 วัน ใครจะไปเที่ยวภูเก็ตกระบี่เชียงใหม่แม่ฮ่องสอนได้ทัน อย่างเก่งก็ขับรถไปกินอาหารย่านปริมณฑล

ชิมช้อปใช้ จึงไม่มีอะไรมากกว่าแจกเงินพันไปซื้อของห้าง ไปกินอาหาร ส่วนที่คุยคำใหญ่ว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้คนเอาเงินออกมาใช้จ่าย ไม่ได้ผลมากนัก ดังนั้นที่นับกันไว้ล่วงหน้าว่าจะกระตุ้นจีดีพี 0.02-0.03% ก็ยังสูงเกินไป

มาตรการแบบนี้ จึงทำให้หลายคนบอกว่า แจกเช็คช่วยชาติดื้อๆ 2,000 บาท แบบรัฐบาลอภิสิทธิ์ ยังยุ่งยากน้อยกว่า

นี่คล้ายกับแจกบัตรคนจน ซึ่งเอาง่าย ๆ ใครรายได้ไม่ถึง 30,000 ไม่ถึง 100,000 ก็ไปลงทะเบียนได้ คนที่ครอบครัวมีกินมีใช้ คนที่มีรายได้นอกระบบภาษี นิสิตนักศึกษาที่พ่อแม่ส่งเรียน ฯลฯ แห่ไปลงทะเบียนกันครึกครื้น กระทรวงการคลังบอกว่าเดี๋ยว ๆ จะตรวจสอบ เดี๋ยว ๆ จะคัดออก แต่สุดท้ายไม่ทำอะไร ดูเหมือนดีใจด้วยซ้ำที่มี “คนจน” เพิ่มขึ้น ๆ 14.5 ล้าน จะได้แจกเงินไปกระตุ้นเยอะ ๆ

พูดอย่างนี้ไม่ได้หวงก้าง ต่อต้านประชานิยม หรือขัดแข้งขัดขา เพราะวันนี้ต้องยอมรับกันว่าเศรษฐกิจย่ำแย่ จำเป็นต้องกระตุ้น แต่ที่รัฐบาลนี้ทำ ที่คนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมันเป็นมาตรการย่ำเท้าแบบ “สิ้นคิด” แบบไม่รู้จะแก้อย่างไรแล้ว สักแต่ว่าจ่ายเงิน ๆ ออกไป เผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้น

กระทั่งฝ่ายค้าน อย่างพรรคอนาคตใหม่ ก็เสนอให้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ใหญ่กว่า นานกว่า โดยออก พ.ร.บ.ผ่านสภา แบบสมัย ปชป. เพื่อไทย (ศาลรัฐธรรมนูญตีตกไป) กู้เงิน 7-9 แสนล้าน มาปรับโครงสร้างหนี้ภาคเกษตร ลงทุนปรับปรุงภาครัฐให้ทันสมัย โดยหารือมาตรการต่าง ๆ กันในสภา ขอเพียงอย่าเอาเงินไปซื้ออาวุธ

พูดอีกอย่างว่า ขืนกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวทางที่รัฐบาลทำมา 5 ปี คุยอวดว่ากระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตลาดประชารัฐ สินเชื่อ SME วิสาหกิจชุมชน ฯลฯ ก็เจ๊งอย่างที่เห็นข่าวตลาดร้างหลาย ๆ แห่ง

ส่วนคำคุย หรือการประเมินต่าง ๆ ก็ขายฝันทั้งสิ้น ก่อนขึ้นปี 62 วาดฝันจีดีพี 4.0-4.2 ต้นปีปรับเป็น 3.8 ถัดมา 3.3 เดือนกันยา 2.8 ไม่รู้ปลายปีจะเหลือเท่าไหร่

เศรษฐกิจแย่อย่างไร นายกฯ กูเกิลก็ปากเก่งได้เสมอ ชาวบ้านต้องทนกันไป

 

Back to top button