NER ยื่น 2 โครงการ “ไบโอแก๊ส” เข้าร่วมรฟฟ.ชุมชน ลุ้นผลงาน Q3 โตรับราคายางฟื้น

NER ยื่น 2 โครงการ "ไบโอแก๊ส" เข้าร่วมรฟฟ.ชุมชน ลุ้นผลงาน Q3 โตรับราคายางฟื้น


บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ยื่นข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐในการนำโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 2 โครงการใน จ.บุรีรัมย์ ขนาดแห่งละ 2 เมกะวัตต์ รวมทั้งหมด 4 เมกะวัตต์ เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการในระยะแรก (Quick Win)

โดย นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการจัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1 ประจำปี 2562 ในการเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อประกอบกิจการผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้และจำหน่าย ให้มีความชัดเจน ครอบคลุมและรับรองการผลิตก๊าซชีวภาพจากโครงการไบโอแก๊สของบริษัท

สำหรับโครงการผลิตก๊าซชีวภาพของบริษัทฯ ประกอบไปด้วยโครงการย่อย 2 โครงการ โครงการละ 2 เมกกะวัตต์ โครงการแรกที่จะคอมมิชชันนิ่งในอีก 5 เดือนข้างหน้า มีมูลค่าการลงทุนทางบัญชีอยู่ที่ประมาณ 163 ล้านบาท ซึ่งจากการศึกษาเพิ่มเติม มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต ปรับปรุงสัดส่วนการเติมวัตถุดิบ และปรับการบริหารจัดการขั้นตอนกระบวนการผลิตบางส่วนพบว่า จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพ 17,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ระยะเวลาคืนทุนที่ 8.7 ปี

ขณะที่ความสามารถในการลดต้นทุน ประเมินเทียบกับต้นทุนพลังงานปัจจุบันที่ซื้อที่ราคา 22 บาทต่อหน่วย จะสามารถลดลงต้นทุนพลังงานลงได้ประมาณ 5-7 บาทต่อหน่วย ทั้งหมดถือเป็นการลงทุนเชิงยั่งยืน ซึ่งสามารถขยายต่อยอดไปถึงกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์โดยสนับสนุนและส่งเสริมการทำเกษตรกรรมร่วมกันระหว่างชุมชนรอบด้านกับบริษัทต่อไปอีกด้วย

“ในการจำหน่ายไฟฟ้านั้น ต้องมีการขออนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอีกหลายขั้นตอนและใช้เวลาดำเนินการอีกพอสมควร ซึ่งบริษัทได้เคยเดินเรื่องขอจำหน่ายไฟฟ้าไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏได้รับแจ้งว่าจุดเชื่อมต่อและสายส่งในพื้นที่เต็มจำนวนจึงไม่ได้รับการอนุมัติให้ขายไฟฟ้า บริษัทจึงปรับแผนโดยการนำก๊าซชีวภาพที่ได้มาปั่นเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้ในกิจการของบริษัท และในกระบวนการปั่นไฟนั้นจะได้พลังงานความร้อนจากเครื่องปั่นไฟอีกทางหนึ่งซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ทดแทนพลังงานความร้อนจากแหล่งพลังงานที่ต้องซื้อเข้ามา ส่งผลให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึงสองทางคือค่าพลังงานเชื้อเพลิงในการอบยางและค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในกิจการพร้อมกัน”นายชูวิทย์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการของ NER ในไตรมาส 3/62 คาดว่าจะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และดีขึ้นจากไตรมาส 2/62 เนื่องจากราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรวม 255,000 ตัน จากเป้าหมายทั้งปีนี้ที่ 260,000 ตัน เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทมีลูกค้าใหม่ที่เริ่มซื้อขายเพิ่มเข้ามาอีกหลาย พร้อมกันนี้มีลูกค้ารายใหญ่ 2 รายพร้อมที่จะเซ็นสัญญา Long Term เมื่อโรงงานใหม่ก่อสร้างแล้วเสร็จ คือ Apollo Tyre ล่าสุดได้เข้ามาตรวจสอบคุณภาพโรงงานแล้ว ด้าน MICHELIN จะเข้ามาตรวจสอบคุณภาพโรงงานในเดือน พ.ย.นี้

 

 

Back to top button