MAJOR แนวโน้มกำไรยังสดใส

ราคาหุ้น MAJOR จะแปรผันไปตามหน้าหนังที่เป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างรายได้ของบริษัท ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นจะปรับตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีแรกตามผลของฤดูกาล


คุณค่าบริษัท

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR จะยังคงมีรายได้และกำไรช่วงไตรมาส 3/2562 เติบโตได้ดีจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่สองประเด็นในการสนับสนุน ได้แก่

  1. เนื่องจากในไตรมาส 3/2561 ถือเป็นช่วงที่บริษัทมีผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 อ่อนแอที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากรายได้หนังที่น่าผิดหวัง ในขณะที่การจัดการบริหารด้านต้นทุนยังทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ (ไม่มีหนังที่มีรายได้เกิน 200 ล้านบาท)
  2. หน้าหนังในไตรมาส 3/2562 มีความแข็งแกร่ง มีหนังทำเงินอยู่หลายเรื่อง เช่น Spider-Man (299 ล้านบาท), Fast & Furious (244 ล้านบาท), The Lion King (133 ล้านบาท) เป็นต้น กอปรกับแผนการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าบริษัทจะมีรายได้ที่ดีขึ้นและมีการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น

ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 3/2562 บริษัทจะมีรายได้ 2,310 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน) และมีกำไรปกติ 151 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12% จากงวดเดียวกันของปีก่อน)

นอกจากนี้ทางนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ค่อนข้างมั่นใจว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ออกมาเติบโตจากฐานที่ต่ำ แต่อาจจะต้องลุ้นผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 เนื่องจากฐานที่สูง (บริษัทมีกำไรในไตรมาส 4/2561 สูงที่สุดประจำไตรมาส 4 ในรอบหลายปี)

ถึงอย่างไรก็ตามเชื่อว่าหน้าหนังในไตรมาส 4 นี้จะยังมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้กับ Major ได้อยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากมีหนังไทยที่จะเป็น Wildcard อยู่หลายเรื่อง เช่น บอดี้การ์ดหน้าหัก ตุ๊ดซี่ส์แอนด์เดอะเฟค Bikeman 2 เป็นต้น

ส่วนราคาหุ้นของ MAJOR จะแปรผันไปตามหน้าหนังที่เป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างรายได้ของบริษัท ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Major จะปรับตัวสูงขึ้นได้ดีในช่วงครึ่งปีแรกตามผลของฤดูกาลโดยเฉพาะช่วงไตรมาสสองที่เป็น High season และปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งปีหลังเนื่องจากหน้าหนังที่อ่อนแอ

แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปในปีนี้ เนื่องจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่ยังคงเติบโตและไตรมาส 4 ที่น่าจะยังอยู่ในระดับที่ดี น่าจะทำให้ราคาหุ้นไม่ปรับตัวลงไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมา

ทั้งนี้จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 31.50 บาท โดยเชื่อว่าการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาในระดับที่ต่ำกว่า 25 บาทนั้นเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นายวิชา พูลวรลักษณ์ 265,040,100 หุ้น 29.62%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 80,496,492 หุ้น 9.00%
  3. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 53,030,980 หุ้น 5.93%
  4. NORTRUST NOMINEES LTD-CL AC 50,335,102 หุ้น 5.63%
  5. GIC PRIVATE LIMITED 44,379,400 หุ้น 4.96%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ, กรรมการอิสระ
  2. นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ รองประธานกรรมการ
  4. นางภารดี พูลวรลักษณ์ กรรมการ
  5. นายธนกร ปุลิเวคินทร์ กรรมการ

Back to top button