MILL ผนึก “บิลค์วันกรุ๊ป” ยกระดับซื้อขายเหล็กผ่านบล็อกเชน คาดเริ่มใช้ต้นปี 63

MILL ผนึก "บิลค์วันกรุ๊ป" ยกระดับซื้อขายเหล็กผ่านบล็อกเชน คาดเริ่มใช้ต้นปี 63


นายธานี โลเกศกระวี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและการตลาด บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทได้ร่วมกับ บริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด เปิดตัวการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) แบบ Multi-tier supply chain ใช้งานจริงครั้งแรกในการซื้อขายเหล็ก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อและเตรียมพัฒนาต่อยอด สู่ห่วงโซ่อุปทานทางการเงิน (Financial Supply Chain) เต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการพัฒนาโซลูชั่นสำหรับงานขาย โดยการนำเทคโนโลยีบล็อกเชน ประยุกต์ใช้งานด้านเอกสารซื้อขายออนไลน์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า เพื่อความสะดวก รวดเร็ว แม่นยำและสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ

สำหรับธุรกิจเหล็กของกลุ่มบริษัท มีโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ซับซ้อน ประกอบกับการเติบโตในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ อาทิ รถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง ขณะที่บิลค์ฯ มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบ ERP และ Digital Workflow ในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่มาก่อน จึงเกิดความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนขึ้นเพื่อนำมาใช้ในธุรกิจซื้อขายวัสดุก่อสร้าง โดยเริ่มจากการซื้อขายสินค้ากลุ่มเหล็กของกลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิต กับลูกค้า ทำให้สามารถลดระยะเวลาและเพิ่มความปลอดภัยในการดำเนินงานมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นการลดการใช้เอกสาร (Paperless) ซึ่งนับเป็นการลดการใช้วัสดุสิ้นเปลืองด้วย

“เดิมทีระบบกระบวนการซื้อขายเหล็กของบริษัท มีขั้นตอนที่ต้องการการตรวจสอบและใช้เอกสารจำนวนมาก อีกทั้งค่อนข้างใช้เวลาและต้องอาศัยแรงงานคน กลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล จึงได้ร่วมมือกับบิลค์ฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อปรับปรุงกระบวนการการทำงานและเครือข่ายซัพพลายเชน ตั้งแต่โรงงานผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่าย และลูกค้าผู้รับเหมาก่อสร้าง” นายธานี กล่าว

ด้านนายไผท ผดุงถิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าที่ซื้อขายผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce)ของบริษัท กว่า 75% ของยอดขายมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยมีกลุ่มบริษัท มิลล์คอน สตีล เป็นซัพพลายหลัก ดังนั้น จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาเทคโนโลยี บล็อกเชน แบบ Multi-tier Supply Chain ขึ้นมา เพื่อยกระดับบล็อกเชนให้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่ใช้งานจริงครั้งแรกในการซื้อขายเหล็ก และพร้อมพัฒนาต่อยอดสู่ Financial Supply Chain ซึ่งเป็นการพัฒนาการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่ต้นปีหน้า

“การบริหารจัดการระบบเอกสารของลูกค้าผ่านระบบการซื้อขายของเรา จะเปิดประตูใหม่ให้กับลูกค้า ที่ต้องการขอสินเชื่อกับธนาคาร เราจะทำงานร่วมกับธนาคาร เพื่อนำธุรกรรมที่อยู่บนบล็อกเชน นี้ไปเชื่อมกับกระบวนการจ่ายเงินและการให้สินเชื่อกับลูกค้าที่มาใช้บริการซื้อขายเหล็กผ่ายบล็อกเชน (e-Factoring ) เพื่อเพิ่มช่องทางการขอสินเชื่อให้กับลูกค้า มีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและศึกษาร่วมกับธนาคารพาณิชย์ คาดว่าปีหน้าจะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนขึ้น” นายไผท กล่าว

Back to top button