KTC ตั้งเป้าผลงานปี 63 โต 15% ลุยปรับแผนขยายฐานบัตร-ออกผลิตภัณฑ์ใหม่

KTC ตั้งเป้าผลงานปี 63 โต 15% ลุยปรับแผนขยายฐานบัตร-ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มั่นใจกลับมาโตกระโดดปี 65


บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC คาดว่ากำไรปีนี้จะเติบโตใกล้เคียงเป้าหมายที่ 10% แต่ในปีหน้า ไม่สามารถประเมินการเติบโตของกำไรได้ หลังจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย พร้อมปรับแผนการทำตลาดเน้นเติบโต ด้านส่วนแบ่งตลาดขยายฐานสมาชิกโดยตั้งเป้าหมายสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 350,000 ใบ ตลอดจนมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงขยายพันธมิตรร้านค้า  ประกอบกับจะเน้นบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เตรียมระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาว 5-10 ปีเพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิม โดยจะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มวงเงินออกหุ้นกู้อีก 3 หมื่นล้านบาท ยืนยันพร้อมรับมือมาตรฐาน IFRS9 หลังตั้งสำรองเงินไว้มากเพียงพอ เชื่อมั่นจะเห็นกำไรเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้งในปี 65

โดย นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ KTC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะโตใกล้ตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเชื่อว่าในปีหน้าก็จะยังเติบโตได้แต่ไม่น่าเท่ากับที่ผ่านมา โดยยังไม่สามารถประเมินอัตราการเติบโตของทั้งกำไรและรายได้สำหรับในปีหน้าได้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ไม่สามารถประเมินการเติบโตของกำไรได้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับการหันมาเน้นเติบโตด้านส่วนแบ่งการตลาดที่เชื่อว่าจะทำให้เป็นการขยายตัวอย่างมีคุณภาพ หลังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สินเชื่อและบัตรเครดิต เติบโตกว่าอุตสาหกรรมแน่นอน

“กำไรเราเป็นบวกอยู่แล้วแต่ไม่คิดว่าจะบวกมากปีหน้า เราจะเน้นโตด้าน market share เพราะเลือกโตอย่างมีคุณภาพ จังหวะตอนนี้ดีสำหรับเราที่จะโตด้าน market share โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมามากขึ้นในปีหน้า…คาดว่าจะเห็นกำไรโตก้าวกระโดดอีกครั้งในปี 65 จากสินเชื่อพี่เบิ้ม”นายระเฑียร กล่าว

สำหรับในปีนี้บริษัทออกผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ “สินเชื่อพี่เบิ้ม” ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อทะเบียนรถยนต์สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ และสินเชื่อเงินสด เป็นต้น เพราะยังมีช่องว่างโอกาสทางการตลาด โดยบางผลิตภัณฑ์มีความเหมาะสมกับตลาดที่เล็กมาก แต่ต้องใช้เงินลงทุนขยายอีกค่อนข้างมาก

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 63 นั้นตั้งเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 15% ซึ่งเป็นเป้าที่ท้าทายเหมือนจะไม่ยาก ถ้าภาวะเศรษฐกิจเอื้ออำนวย แต่เชื่อว่าวิธีการทำการตลาดที่แตกต่างของบริษัทจะยังคงทำให้เห็นเติบโตได้จากปีนี้ที่คาดว่าอาจไม่ถึงเป้า

“เศรษฐกิจปีหน้าไม่ดีตัวเลขที่ตั้งโอกาสจะบรรลุไม่ง่าย…ปีหน้าโต 2 หลักยาก เห็นความไม่แน่นอนในอนาคตค่อนข้างเยอะ คิดว่าเราจะทำได้แต่โอกาสพลาดยังมี แต่ตั้งใจทำให้ดีที่สุด และต้องหา S-curve ลงทุน”นายระเฑียร กล่าว

ทั้งนี้ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจากนี้ไปจะมุ่งสร้างธุรกิจให้เติบโตด้วยวิสัยทัศน์ใหม่สู่การเป็นแพลทฟอร์มการเงินหลักที่อยู่เคียงข้างสังคมไทยและเป็นมิตรกับผู้ใช้ ด้วย 2 แพลทฟอร์มคือ “แพลทฟอร์มการชำระเงิน” และ “แพลทฟอร์มสินเชื่อรายย่อย” ที่มุ่งเน้น 3 จุดแข็งหลักคือ ปลอดภัย รวดเร็ว และสร้างประสบการณ์ที่ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิกและคนไทย รองรับการขยายธุรกิจใหม่เข้าไปในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพิ่มเติมจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่มีอยู่

ทั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถนำเสนอสินเชื่อให้กับผู้บริโภคได้หลากหลายและครบวงจร ทั้ง “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” “พิโกพลัส” (สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ให้กับรายย่อยระดับจังหวัด)” และธุรกิจ “นาโนไฟแนนซ์” (สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้มีรายได้ไม่แน่นอน) ซึ่งทยอยเปิดให้บริการแล้ว และคาดว่าทั้ง 3 ธุรกิจใหม่นี้ จะสามารถเริ่มรับรู้กำไรได้ประมาณ 18-24 เดือน นับตั้งแต่วันที่ดำเนินธุรกิจจริง

นอกจากนี้ จะเห็นบริษัทปรับตัวครั้งใหญ่สู่การเป็น “องค์กรคล่องตัว” (Agile Organism) หรือองค์กรที่มีชีวิต เพื่อให้สามารถบริหารจัดการธุรกิจให้ตรงและเท่าทันกับความต้องการและความคาดหวังของลูกค้า ผ่าน 5 องค์ประกอบหลักคือ กลยุทธ์ (Strategy) สร้างโอกาสและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในการสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยเฉพาะสมาชิกเคทีซีและสังคมไทย  โครงสร้าง (Structure) กำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของบุคลากรให้ชัดเจน สนับสนุนให้บุคลากรในทีมดูแลงานและแก้ปัญหาได้เอง สร้างผลงานที่ดี

โดยกระบวนการ (Process) คิดวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในการทำงาน สร้างวงจรแห่งการเรียนรู้และสนับสนุนให้เกิดการตัดสินใจ ลดความเสี่ยงและสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น  คน (People) ยึดโยงคนที่มีความสามารถโดดเด่นเข้าด้วยกัน ส่งเสริมให้บุคลากรเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วมเป็นเจ้าขององค์กร ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี (Technology) เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่ต้องผนวกเข้ากับทุกมิติขององค์กร

 

ด้านนายชุติเดช ชยุติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน KTC กล่าวว่า บริษัทยังคงมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยคาดว่าสิ้นปี 62 จะสามารถทำกำไรได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 10% ด้วยฐานสมาชิกบัตรที่มากขึ้น พอร์ตลูกหนี้มีคุณภาพ และการควบคุมต้นทุนการเงินที่ดี สำหรับกลยุทธ์การบริหารเงินของในปี 63 บริษัทจะมุ่งประกอบธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการหาต้นทุนที่ต่ำและเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าจะยังรักษาระดับทรงตัวไว้เช่นนี้

ทั้งนี้บริษัทจึงมีแผนจะระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ระยะยาว 5-10 ปี เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและรองรับการขยายตัวของธุรกิจใหม่อีกประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะมีต้นทุนเงินอยู่ที่ประมาน 3.09% ทั้งนี้ วงเงินสำหรับออกหุ้นกู้ที่เคยขอผู้ถือหุ้นไว้เมื่อปี 60 คงเหลือเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 63 จึงมีแผนที่จะขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพิ่มวงเงินอีก 3 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมพร้อมรับมือกับมาตรฐานการรายงานการเงินสากล (International Financial Reporting Standards: IFRS9) ที่กำลังจะนำมาใช้ โดยมีการตั้งสำรองเงินไว้แล้วในปริมาณที่มากพอ และสำรองส่วนที่เกินอยู่จะเก็บไว้เป็นสำรองต่อไปสำหรับเศรษฐกิจในปีหน้า

“เป้าหมายปีหน้าท้าทายมากและในส่วนสินเชื่อพี่เบิ้มต้องใช้เวลาในการทำกำไร”นายชุติเดช กล่าว

ด้าน นายปิยศักดิ์ เตชะเสน  รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-ช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้า ของ KTC กล่าวว่า กลยุทธ์การขยายฐานสมาชิกในปี 63 น่าจะเป็นความท้าทายและสร้างโอกาสที่ดีให้กับบริษัท ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่มีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น จะทำให้สามารถนำเสนอทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายย่อยได้อย่างครอบคลุม โดยตั้งเป้าหมายสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ 350,000 ใบ และบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” 210,000 ใบ

รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “สินเชื่อเคทีซีพี่เบิ้ม” ซึ่งประกอบด้วย สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และสินเชื่อเงินสด สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของเคทีซีจะยังเป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป โดยจะมุ่งเน้นช่องทางการรับสมัครผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิกทุกรายที่สนใจสมัครผลิตภัณฑ์เคทีซี ส่วนช่องทางหลักในการสรรหาสมาชิกสินเชื่อผ่านธนาคารกรุงไทย และผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซีอิสระ (Outsource Sales) จะเน้นการเพิ่มจำนวนและศักยภาพตัวแทนขายให้สูงขึ้น ซึ่งเคทีซีให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรทางการขายที่มีคุณภาพมาโดยตลอด เพื่อให้มั่นใจได้ว่านอกเหนือจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องชัดเจนแล้ว จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับสมาชิกต่อไป

“สำหรับกลยุทธ์การขยายพันธมิตรร้านค้าในปี 63 จะมุ่งนำเสนอบริการรับชำระที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของร้านค้าในกลุ่มธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดการผ่อนชำระ “KTC FLEXI” ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการขยายฐานร้านค้าในกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้าอาลีเพย์ (Alipay) ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อรองรับการจับจ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในประเทศไทยและกลุ่มชาวจีนที่พักอาศัยในไทย”นายปิยศักดิ์ กล่าว

ด้าน นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต KTC กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัว แต่ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีสามารถเติบโตได้ถึง 10% หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท และคาดว่าสิ้นปี 62 จะสามารถรักษาสัดส่วนการเติบโตของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตโดยรวมได้ที่ประมาณ 10%

สำหรับปี 63 แนวคิดการทำตลาดบัตรเครดิตเคทีซีที่กำหนดไว้คือ “Everyone, everyday, and everywhere” ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรที่สมาชิกเลือกใช้ทุกวันและทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการจับจ่ายผ่านช่องทางออนไลน์หรือการใช้จ่ายที่ร้านค้าในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม โดยนอกจากการมุ่งเน้นความคุ้มค่าผ่านคะแนน KTC FOREVER แล้ว จะให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับสมาชิก ทั้งสร้างความมั่นใจ ความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บัตร รวมถึงการสร้างความพึงพอใจให้กับสมาชิก โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลในการเรียนรู้พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เพื่อนำเสนอสิ่งที่สมาชิกบัตรชื่นชอบ

รวมทั้งจะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยควบคู่ไปกับความรู้และประสบการณ์ของทีมการตลาดเพื่อสรรสร้างสิ่งที่แตกต่าง ทั้งนี้ เคทีซีจะยังคงให้ความสำคัญกับการขยายเครือข่ายพันธมิตรร้านค้าให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของสมาชิกมากที่สุด อีกทั้งจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของช่องทางการสื่อสารมากขึ้น เพื่อให้สมาชิกบัตรได้รับทราบข้อมูลที่ตรงใจ มีประโยชน์ และไม่พลาดโปรโมชั่นดี ๆ จากเคทีซี

 

Back to top button