ทรัมป์เปลี่ยน..โลกเปลี่ยน

*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ทุกครั้งที่คนบ้าอำนาจอย่าง “ทรัมป์” ลดความแข็งกร้าวทางอารมณ์ สถานการณ์หลายอย่างก็ดีขึ้นเป็นลำดับ และทำให้นักลงทุนหวนกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างสนุกสนานนั้น! ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงไม่ตื่นเต้นกับเรื่องราวดังกล่าวสักเท่าไหร่ ซึ่งผิดกับท่าทีของนักเล่นบางกลุ่มที่กำลังทำตัวเป็น “ปลากระดี่ได้น้ำ” นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*การทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนีเหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ทุกครั้งที่คนบ้าอำนาจอย่าง “ทรัมป์” ลดความแข็งกร้าวทางอารมณ์ สถานการณ์หลายอย่างก็ดีขึ้นเป็นลำดับ และทำให้นักลงทุนหวนกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างสนุกสนานนั้น! ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบด้วยกัน “โมนิก้า” ถึงไม่ตื่นเต้นกับเรื่องราวดังกล่าวสักเท่าไหร่ ซึ่งผิดกับท่าทีของนักเล่นบางกลุ่มที่กำลังทำตัวเป็น “ปลากระดี่ได้น้ำ” นะจะบอกให้

*ฉะนั้นอย่าถามว่าวันนี้มีแนวความคิดเป็นบวกกับเรื่องดังกล่าวหรือยัง ? “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่ายังไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่าง เลยไม่อยากเป็นพวกโลกสวย เพราะทุกครั้งที่เริ่มมีอาการเคลิบเคลิ้มกับท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้นทีไร มักเห็นผู้นำบ้าอำนาจทำเรื่องไม่คาดคิดทุกที จึงไม่อยากเชื่อว่าพญาอินทรีจะเปลี่ยนอุปนิสัยเพื่อทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นจริง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากข้ออ้างหลายอย่างมันฟังไม่ขึ้นเจ้าค่ะ

*ด้วยเหตุนี้ถึงมองดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,579.64 จุด บวกไป 20.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.65 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นการเด้งสั้น ๆ เหมือนที่เห็นกันมาในช่วง 1 เดือน และถ้ามองไปข้างหน้าอีกนิดหนึ่งจะเห็นว่า ทุกคนกำลังจับตาดูคนบ้าอย่าง “ทรัมป์” คิดจะทำอะไรแผลง ๆ อีกไหม ? และตลาดหุ้นไทยจะรับมือกับเรื่องดังกล่าวได้ดีแค่ไหน ? จึงมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่างนะคะ

*เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้น CPALL ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 74 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.92 พันล้านบาท ทั้งที่ทิศทางของหุ้นอยู่ในลักษณะ sideway down “โมนิก้า” เลยไม่เชื่อว่าหุ้นจะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ แถมเที่ยวนี้เป็นน้ำมือของพวกกองทุนเข้ามาดันหุ้นสุดลิ่ม (ชอบทุบ ชอบดัน) จึงรู้สึกหวั่นใจกับการเล่นหุ้นเที่ยวนี้จริง ๆ เพราะมันไม่มีอะไรจับต้องได้เลยพับผ่าซิ

*เช่นเดียวกับในรายของ TASCO ทะยานขึ้นปรู๊ดเดียวขึ้นมาปิดที่ 19.30 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 330 ล้านบาท ท่ามกลางหุ้นแกว่งตัวลงต่อเนื่อง แถมบางวันก็โดนถล่มหนักอย่างไม่น่าเชื่อ “โมนิก้า” ย่อมเกิดความรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันที เพราะปีนี้ยังมองไม่ออกเหมือนกันว่า จะเอาประเด็นอะไรมาเป็นตัวขับเคลื่อนราคาหุ้นให้ขึ้นอย่างบูรณาการน่ะซี

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับหุ้นน้องสวยเต็ม ๆ BEAUTY หลังพุ่งขึ้นพรวดพราดแบบไม่บอกให้รู้ล่วงหน้า มาเห็นอีกทีราคาหุ้นก็ขึ้นมายืนอยู่ที่ 2.46 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 23% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท มันเป็นเกมที่เล่นเร็วเกินไปหน่อยในสายตาเดี๊ยน ผสานกับวันนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนจากวันวานมากพอ “โมนิก้า” จึงขอแนะนำแค่เคาะขวาเบา ๆ เพื่อไม่ให้ตกกระแสแล้วกันนะคะ

*คล้ายกับกรณีของหุ้นขายไก่ CPF วิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 29.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.37 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องความชัดเจนในการเบ่งตัวเลขกำไร แต่เผอิญหุ้นวิ่งขึ้นมาชนแนวต้านสำคัญบริเวณ 30 บาทพอดิบพอดี จึงอยากให้แฟนคลับพึงระวังการเคาะขวาวันนี้สักหน่อย เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นการทดสอบหนที่ 3 แล้วนะตัวเอง!

*เม้าท์ถึงเรื่องน่ารักน่าลุ้นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ถึงกับต้องชายตาแลหุ้น OSP เพื่อชี้ให้เห็นแนวต้านสำคัญบริเวณ 46 บาทยังเป็นก้างขวางคอสำหรับการเล่นเที่ยวนี้ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมายืนปิดที่ 44 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 4.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 950 ล้านบาทยังเป็นโอกาสของการเข้าเล่นจริงไหม ? หรือใครอยากจะวัดฝีมือความไว ก็น่าสนไม่ใช่น้อยนะคะ

*ส่วนรายที่ไม่ต้องวัดดวงอะไรเลย “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันไปดูหุ้นไฟฟ้า BGRIM เป็นตัวเลือกอันดับแรกของการเล่นเที่ยวนี้ เพราะแวลูที่กูรูสำนักต่าง ๆ ให้ไว้ในปีนี้ค่อนข้างสูง ขณะที่ราคาปิดวานนี้อยู่แค่ระดับ 55.75 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท เดี๊ยนมองมุมไหนก็ตาม เที่ยวนี้มีลุ้นทะลุยอดเดิมบริเวณ 57 บาทค่อนข้างสูง (ทรัมป์ทำตัวดีขึ้น บรรยากาศเป็นใจ)..ไม่เชื่อคอยดูแล้วกัน..อิอิอิ

*สำหรับรายที่นักเล่นต้องลุ้นหนักในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” มองไปยังหุ้นน้องใหม่ YGG หลังโชว์ฟอร์มสวยในการเข้าเทรดวันแรก และวันถัดมาก็โชว์พลังให้แมงเม่าเห็นอีกนิดหน่อย แต่วานนี้กลับโป๊ะแตกด้วยการทรุดตัวลงมาปิดที่ 5.45 บาท ลบไป 0.85 บาท หรือลงไป 13.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 304 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าเกมหุ้นเที่ยวนี้มันจบแล้วใช่ไหมเจ้านาย! อยากรู้คงต้องถามพวกหยวน..ดูนะเธอ!

Back to top button