SCC กำไรลดเรื้อรัง

ไม่ต่างจากผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องมีหมอดูแลอย่างใกล้ชิด กรณีบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ต้องอยู่ในภาวะต้องเฝ้าระวังกำไรเช่นกัน...


สำนักข่าวรัชดา

ไม่ต่างจากผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องมีหมอดูแลอย่างใกล้ชิด กรณีบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ต้องอยู่ในภาวะต้องเฝ้าระวังกำไรเช่นกัน…

นั่นเป็นเพราะ SCC ถูกมองว่า กำไรไตรมาส 4/2562 ยังย่ำแย่ เหลือแค่ 6,100 ล้านบาท ลดลงกว่า 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 2% จากไตรมาสก่อน

ปมเหตุสำคัญที่ทำให้ SCC กลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง มาจากธุรกิจปิโตรเคมี ที่เคยเป็นทัพหน้าปั๊มกำไรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนเก่า…โดยคาดว่ากำไรจะลดลง 72% เหลือเพียง 1,316 ล้านบาท เนื่องจากสเปรด HDPE-Naphtha ลดลง 53% อยู่ที่ 304 เหรียญต่อตัน ส่วน PP-Naphtha ลดลง 20% เหลือ 519 เหรียญต่อตัน รวมทั้งคาดจะมีขาดทุนสต๊อกอีกประมาณ 700-900 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เรียกว่ายังอยู่ในอาการเดี้ยง…ยังไม่เห็นการฟื้นตัวมากนักหลังน้ำท่วม บวกกับช่วงไตรมาส 4/2562 งานภาครัฐหายไป ทำให้แนวโน้มกำไรอยู่ในระดับทรงตัว ลดลง 1% อยู่ที่ระดับ 1,545 ล้านบาท

เห็นจะมีก็แต่ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ที่พอกู้หน้าได้บ้าง แนวโน้มกำไรเติบโต 9% อยู่ที่ 1,628 ล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากการซื้อกิจการ FAJAR ที่อินโดนีเซีย

แต่เนื่องจากยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ จึงไม่สามารถไปชดเชยกับกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีที่หายไปได้…

ทำให้ปี 2562 SCC อาจต้องปิดสถานะด้วยตัวเลขกำไรที่ 31,010 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 25.84 บาท ลดลง 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

คงเป็นอีกหนึ่งปีที่ผู้ถือหุ้นต้องนอนน้ำตาตกใน…

หลังจากก่อนหน้านี้ต้องระทมกับตัวเลขกำไรในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาไม่ค่อยน่าภิรมย์นัก…โดยปี 2559 กำไรสุทธิ 56,084 ล้านบาท จากรายได้รวม 450,573 ล้านบาท ปี 2560 กำไรสุทธิเหลือ 55,041 ล้านบาท จากรายได้รวม 482,449 ล้านบาท ปี 2561 กำไรสุทธิ 44,748 ล้านบาท จากรายได้รวม 505,307 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกปี 2562 กำไรสุทธิ 24,909 ล้านบาท จากรายได้รวม 346,815 ล้านบาท

ส่วนใครที่คาดหวังจะเห็น SCC กลับมาโตแรงในปีนี้ อาจต้องเก็บฝันใส่ลิ้นชักไว้ก่อน…

แม้สเปรดปิโตรเคมีที่มีแนวโน้มฟื้นตัว จากการลดกำลังการผลิตของอุตสาหกรรม ประกอบกับสงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย แต่อาจยังไม่ดีพอที่จะหนุนให้กำไรโตกระฉูดได้

ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างแนวโน้มทรงตัว หรือโตเล็กน้อยจากแรงหนุนโครงการก่อสร้างภาครัฐ หลังจากงบประมาณปี 2563 ผ่านฉลุย…

ขณะที่ธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง และได้แรงบวกเพิ่มจากการลงทุนใน FAJAR ที่อินโดนีเซีย และการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศ

จากข้อมูลข้างต้นจึงพอสรุปได้ว่า SCC ยังต้องจับตากำไรอย่างใกล้ชิด แม้ว่าอาจไม่ถึงขั้นเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง แต่ก็เป็นผู้ป่วยที่ยังต้องรับยาต่อเนื่อง

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าจะหยุดรับยาได้เมื่อไหร่..? นี่คือสิ่งที่นักลงทุนอยากรู้คำตอบมากสุด…

…อิ อิ อิ…

Back to top button