GUNKUL บวก 5 วันพุ่ง 8% จับตารายได้ปี 63 ทะลุหมื่นล.บุ๊กรฟฟ.เพิ่ม 100MW

GUNKUL บวกยาว 5 วันพุ่ง 8% จับตารายได้ปี 63 ทะลุหมื่นล.บุ๊กรฟฟ.เพิ่ม 100MW


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ณ เวลา 10.46 น. อยู่ที่ระดับ 2.74 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 3.01% สูงสุดที่ระดับ 2.76 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.68 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 47.91 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น GUNKUL ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 นับตั้งแต่ปิดที่ระดับ 2.54 บาท เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 63 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 8%

ทั้งนี้ ปัจจัยที่คาดว่าสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัววันนี้ มาจากการรายงานข่าว นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2563 มีโอกาสทะลุ 1 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตไม่น้อยกว่า 25% จากปี 2562 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่  7.7 พันล้านบาท เนื่องจากในปี 2563 จะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในประเทศ โครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศมาเลเซีย และโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับภาคเอกชน

โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าหลายโครงการ ล่าสุดบริษัท ไบร์ท กรีน พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ (MW) ในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โครงการ Tri Viet 1 Solar Power Plant และโครงการ Bach Khoa A Chau 1 Solar Power Plant ในจังหวัด Tay Ninh โดยเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท Singapore An Yang Pte. Ltd. (An Yang) และ Singapore Yun Yang Pte. Ltd. (Yun Yang) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น (ultimate shareholders) ของโครงการฯ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 60.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 1.87 พันล้านบาท

สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มีกำหนดที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563 ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนาม กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ตั้งแต่ต้นปี 2563, โซลาร์ฟาร์มในประเทศมาเลเซีย กำลังการผลิต 37 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อปที่บริษัททำให้กับเครือซีพีและโฮมโปร กำลังการผลิตรวม 30 เมกะวัตต์ กำหนด COD ในไตรมาส 1/2563

ขณะที่รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้าง ปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยังคงเข้าร่วมประมูลงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2563 แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจพลังงานของกลุ่มบริษัทประมาณ 60-65% จากเดิมอยู่ที่ 80% ขณะที่สัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะเพิ่มเป็น 35-40% จากเดิมอยู่ที่ 20% ของรายได้รวม เนื่องจากปี 2563 จะมีการรับรู้รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างเข้ามามากขึ้น

“ในปีนี้บริษัทมีโอกาสที่รายได้จะทะลุ 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก 3 การไฟฟ้าจัดวางงบประมาณในระยะ 10 ปีข้างหน้า ไว้ที่กว่า 5.9 แสนล้านบาท เพื่อวางระบบโครงข่ายและปรับปรุงสายส่ง รวมทั้งแผนสายส่งใต้ดิน ทำให้บริษัทมีโอกาสคว้างานประมูลดังกล่าวเช่นกัน นอกจากนี้บริษัทยังสนใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้” นางสาวโศภชา กล่าว

Back to top button