เจ็บจนชิน ?

*ดูเหมือนนักเล่นหลายรายจะร้องโอดโอยให้ได้ยินเป็นระยะ หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มตื้อ ๆ ตัน ๆ จนมองไม่ออกดัชนีจะเดินไปทางไหน ? “โมนิก้า” ถือเป็นเกมปกติที่ได้เห็นเป็นประจำในยามตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งเป็นผลมาจากระหว่างทางที่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่แน่นปึกคอยรองรับ จึงค่อนข้างสุ่มเสี่ยงโดนเทขายแบบไม่ทันตั้งตัว และทำให้การขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,500 จุดกลวง ๆ ชอบกลนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ดูเหมือนนักเล่นหลายรายจะร้องโอดโอยให้ได้ยินเป็นระยะ หลังบรรยากาศการลงทุนเริ่มตื้อ ๆ ตัน ๆ จนมองไม่ออกดัชนีจะเดินไปทางไหน ? “โมนิก้า” ถือเป็นเกมปกติที่ได้เห็นเป็นประจำในยามตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งเป็นผลมาจากระหว่างทางที่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่แน่นปึกคอยรองรับ จึงค่อนข้างสุ่มเสี่ยงโดนเทขายแบบไม่ทันตั้งตัว และทำให้การขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,500 จุดกลวง ๆ ชอบกลนะจะบอกให้

*ถึงกระนั้น “โมนิก้า” ยังเห็นนักเล่นกระโจนใส่หุ้นบางตัวอย่างสนุกสนาน พร้อมกับมีข่าวลือด้านบวกออกมาไม่ขาดสาย ก่อนจะออกมาเฉลยในภายหลังว่าข้างนอกสุกสดใส..ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง พร้อมกับมีการโยนความผิดให้กับ “แพะรับบาป” เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานั้น! เดี๊ยนถือเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจมากเป็นพิเศษ ว่าในช่วงที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้หลายครั้ง..ยังไม่ชินอีกเหรอตัวเอง ?

*หากเข้าใจบริบทตรงนี้ จะเห็นว่าการที่ดัชนียืนปิดในระดับ 1,527.25 จุด บวกไป 0.95 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.24 หมื่นล้านบาท ก็ไม่ใช่เรื่องต้องแปลกใจแต่อย่างใด เพราะมันเห็นกันอย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่า นักเล่นแกนหลักเริ่มสลับตัวเล่นกันอีกแล้ว จึงไม่ต้องถามหาเหตุผลที่ทำให้หุ้นบางตัวตกหนักแบบไม่รู้ตัว หลังบรรดาแมงเม่าเม้าท์แตกถึงประเด็นนี้เยอะมากเหลือเกินเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะการร่วงหนักของหุ้นทวงหนี้ BAM กลายเป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” ต้องมานั่งอธิบายกับแฟนคลับอีกครั้ง ว่านี่เป็นเกมที่กองทุนตัวแสบเป็นคนเดบิวต์มาตั้งแต่ต้น และข่าวสารที่พรั่งพรูออกมาตามห้องค้าต่าง ๆ ก็มาจากพวก “ใจถึง พึ่งได้” มาทั้งกระบิ เดี๊ยนถึงมองการร่วงลงหนักเป็นวันที่สอง จนสุดท้ายยืนปิดที่ 27.75 บาท ลบไป 3.75 บาท หรือลงไป 11.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.85 พันล้านบาท น่าจะเป็นการขายเพื่อเริ่มเกมใหม่หรือเปล่า ?

*คล้ายกับกรณีของหุ้น SAWAD ย่อตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 76.25 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท ก็เป็นการ take profit ธรรมดา ๆ ไม่มีประเด็นต้องคิดให้ปวดกบาล แถมเมื่อย้อนกลับไปดูข้อมูลเก่าในช่วง 2 เดือนก่อน จะเห็นว่าตอนนั้นหุ้นยืนอยู่แค่ระดับ 60 บาท และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งวิ่งขึ้นไปแตะบริเวณ 80 บาท น่าจะเพียงพอต่อการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้นะคะ

*สำหรับหุ้นการเมืองตัวเอ้อย่าง STEC ดันออกอาการอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผาขึ้นมาดื้อ ๆ ย่อมกลายเป็นประเด็นที่ทำให้นักเล่นเทขายหุ้นทำกำไรเพื่อปิดความเสี่ยงกันเป็นแถวอย่างแน่นอน! เพราะมองในมุมของสตอรี่กำไรในอนาคตอันใกล้ ก็ไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ 16.50 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 452 ล้านบาท น่าจะเป็นการพักตัวเพื่อรอเล่นใหม่นะจ๊ะ

*เรื่องข้างต้นคล้ายกับกรณีของ BEM หลังย่อตัวลงมายืนปิดที่ 10.80 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 502 ล้านบาท ก็เป็นรอบเดิมที่ขาประจำเล่นร่วมปี “โมนิก้า” ถึงไม่มีเหตุผลอื่นใดมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้นอกเสียจากกรอบ 10.50-11.50 บาท ซึ่งเป็นจุดที่อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีสุด และขอยืนยันใช้ข้อมูลตรงนี้สื่อสารกับแฟนคลับอีกรอบเจ้าค่ะ

*ส่วนการคัมแบ็กที่สวยหรูของหุ้นยางมะตอย TASCO ล้วนมีจุดกำเนิดมาจากการทำผลงานสุดปัง แรงซื้อถึงไหลเข้ามาตลอดเวลา จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ 23.80 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 6.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 717 ล้านบาท ผสานกับการเทรดของหุ้นอยู่บนค่า P/E 13 เท่า บรรดาเกจิอาจารย์ดังเลยเชื่อว่าหุ้นน่าจะไปต่อสวย ๆ เพราะผลงานปีนี้คงสะแด่วแห้วไม่ใช่เล่นเหมือนกันพะยะค่ะ

*ในเมื่อเอาผลงานเป็นธงนำในการเล่นขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ย่อมมองไปที่หุ้น ACE เพื่อให้นักเล่นแยกแยะระหว่าง “พื้นฐาน” กับประเด็น “ส่วนตัว” ซึ่งในที่นี้เห็นกันทนโท่ว่า ผลงานเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคน ราคาหุ้นน่าจะขยับขึ้นไปไกลกว่าที่เห็นกันอยู่ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับช่วยพิจารณาราคาปิดที่ 3.38 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 5.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 375 ล้านบาท ท่ามกลาง P/E 47 เท่า..ยังกล้าลุยกันอีกไหม..อิอิอิ

*ตบท้ายที่หุ้น U กันอีกสักนิด! หลังหุ้นกระชากอย่างร้อนแรงวันแรก ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1.67 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 8.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท “โมนิก้า” กลับมองเป็นจังหวะกล้าได้กล้าเสียมากกว่าเรื่องของพื้นฐาน เพราะตัวเลขกำไรในงวดปี 2562 ที่ปรากฏให้เห็นยั่งยืนขนาดไหน ? ก็ไม่มีใครรู้อีกเหมือนกัน! จึงอยากจะบอกแค่ว่า เผื่อทางหนีไว้บ้างนะตัวเอง..รักนะ..จุ๊บ..จุ๊บ!

Back to top button