BGRIM ยัน! ตรึงค่าเอฟทีไม่กระทบ มั่นใจกำไรปีนี้สดใส รับอานิสงส์ราคาก๊าซลดฮวบ

BGRIM ยัน! ตรึงค่าเอฟทีไม่กระทบ มั่นใจกำไรปีนี้สดใส รับอานิสงส์ราคาก๊าซลดฮวบ


บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ระบุว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน ดูแลปัญหาภัยแล้งและกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.63

โดยมีมาตรการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไฟฟ้า ให้ตรึงค่าเอฟทีในเดือนพฤษภาคมที่อัตราเดิมคือ -11.6 สตางค์ และลดค่าไฟฟ้าในอัตราร้อยละ 3 ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท เป็นระยะเวลา 3 เดือน (เม.ย. – มิ.ย.63) นั้น

ทั้งนี้ บริษัทมีความยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยการลดค่าไฟฟ้าที่จำหน่ายให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดนเริ่มในเดือนเม.ย.63 ในระดับที่ใกล้เคียงกัน

โดยมาตรการปรับลดค่าไฟฟ้าในระยะสั้นในอัตรา 3% เป็นระยะเวลา 3 เดือนนี้ บริษัทประเมินผลกระทบในอัตรา 0.17% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้รวมในปี 2562 เนื่องจากเป็นมาตรการชั่วคราว

อีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทที่มีสัดส่วนถึง 77% ของรายได้รวม อันมาจากการจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

รวมถึงรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และรายได้จากโครงการในต่างประเทศ มีเพียงธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมซึ่งมีสัดส่วนเพียง 23% ที่จะได้รับผลกระทบชั่วคราวนี้

ทั้งนี้ บริษัทมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่ลงนามซื้อขายไฟฟ้ารวม 31 เมกะวัตต์มีกำหนดการณ์เริ่มใช้ไฟฟ้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563

โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.63 มียอดการใช้ไฟฟ้าจากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนในอัตรา 1% ซึ่งมาจากการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

นอกจากนี้ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติเป็นต้นทุนหลักของบริษัทที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% ของต้นทุนรวม บริษัทจึงมีโอกาสลดต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญจากแนวโน้มการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซธรรมชาติ

ทั้งนี้ ราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติในเดือนม.ค.-ก.พ.63 มีการปรับตัวลงถึง 9% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทประเมินว่าจะส่งผลบวกต่อกำไรของบริษัทราว 15% เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ 2,331 ล้านบาทในปี 2562

Back to top button