TQM ซีลลิ่ง 2 วันติด! หลังเข้า FTSE Small Cap วันนี้ โบรกฯอัพเป้ากำไรรับยอดขายประกันพุ่ง

TQM ซีลลิ่ง 2 วันติด! หลังเข้า FTSE Small Cap วันนี้ โบรกฯอัพเป้ากำไรรับยอดขายประกันพุ่ง ล่าสุดอยู่ที่ 74 บ. บวก 9.25 บ. หรือ 14.29% มูลค่าซื้อขาย 124.10 ลบ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ล่าสุด ณ เวลา 10.16 น. อยู่ที่ 74 บาท บวก 9.25 บาท หรือ 14.29% สูงสุดที่ 74.25 บาท ต่ำสุดที่ 70.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 124.10 ล้านบาท

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ในวันที่ 20 มี.ค.2563 กองทุนจำพวก Passive Fund ที่ลงทุนตามดัชนี FTSE จะเข้าลงทุนในหุ้นไทยที่ถูกเพิ่มน้ำหนักและได้รับการนำเข้าคำนวณใหม่ ประกอบด้วย บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ซึ่งถูกขยับขึ้นสู่ดัชนี FTSE Mid Cap จากเดิม Small Cap, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC และ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ขยับขึ้นสู่ดัชนี FTSE Large Cap จากเดิม Mid Cap

ขณะที่หลักทรัพย์ใหม่ที่เพิ่งจะถูกเพิ่มเข้าไปในการคำนวณของ FTSE Small Cap ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท หรือ CPNREIT, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส หรือ FTREIT, บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7, บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM โดยทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่ วันที่ 20 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ TQM ปี 2563 และปี 2564 เป็นขยายตัว 25.5% และ 18.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 637 ล้านบาท และ 753 ล้านบาท ตามลำดับ สะท้อนการปรับเพิ่มสมมติฐานการเติบโตของยอดขายเบี้ยประกันขึ้นตามเป้าหมายในการเติบโตของบริษัท และปรับลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ (cost to income ratio) ลง เพราะก่อนหน้านี้ประเมินไว้สูงเกินไป

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นจากความพยายามในการผลักดันผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่แตกต่างออกสู่ตลาด พร้อมโอกาสในการเติบโตจากโครงการใหม่ ๆ ของบริษัทและโอกาสในการขยายธุรกิจด้วยการทํา M&A ซึ่งฝ่ายวิจัยฯยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

ดังนั้นจากการปรับกำไรสุทธิเพิ่ม จึงต้องปรับมูลค่าพื้นฐานใหม่ในปี 2563 เท่ากับ 60 บาท (เดิม 51 บาท) อิง P/BV 7.07 เท่า (เดิม 6.16 เท่า) ตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE ระยะยาวที่ 28.2% (เดิม 24%) และการเติบโตเฉลี่ยระยะยาวเท่ากับ 7% (เดิม 6%) แม้บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1.1 บาทต่อหุ้น XD วันที่ 16 มี.ค. 2563 คิดเป็นยีลด์ 1.7%

Back to top button