กูรูเชียร์ “ซื้อ” EKH ชี้ราคาลงลึกเกินพื้นฐาน ชูเป้า 4.80 บ.อัพไซด์ 19%

กูรูเชียร์ “ซื้อ” EKH ชี้ราคาลงลึกเกินพื้นฐาน ชูเป้า 4.80 บ.อัพไซด์ 19%


บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ ระบุว่า ฝ่ายวิจัยได้แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH เนื่องจากเห็นสัญญาณการกลับตัว ในแง่ของ  Valuation โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับประมาณการราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 4.80 บาท อิง PER 31 เท่า  ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย  PER ย้อนหลัง 3 ปี -0.5 S.D. ถึงแม้ภาพรวมรายได้ และกำไรสำหรับปีนี้ ยังไม่น่าสนใจมากนัก แต่ราคาที่ปรับตัวลงมาก่อนหน้านี้ได้สะท้อนผลกระทบเชิงลบสำหรับปีนี้ไปมากแล้ว  ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็น PER  ที่ 25 เท่า มี Upside อยู่ 23.07 %

ประกอบกับเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 บริษัท มีมติซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 10% ภายใต้วงเงินไม่เกิน 30 ล้านบาท  โดยทำการซื้อหุ้นคนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ระหว่างวันที่ 3 เมษายน-2 ตุลาคม 2563 และกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 อัตราการจ่ายปันผลที่ 0.21 บาทต่อหุ้น ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5.38%

แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2563 ฝ่ายวิจัยต้องปรับประมาณการรายได้ใหม่ สำหรับกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 641 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในลดลง Occupancy Rate เฉลี่ยทั้งปีที่ 65% และการลดลงในคนไข้จากศูนย์ผู้มีบุตรยาก ต้นทุนกิจการโรงพยาบาลที่ 385 ล้านบาท  ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงน้อยกว่ารายได้ที่ลดลง  เนื่องจากมีค่าเสื่อมของอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ที่เปิดเมื่อกลางปี 2562 ค่าใช้จ่ายที่ 158 ล้านบาท ลดลง19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แม้ว่าปีนี้จะไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เป็นรายการพิเศษ แต่มีการเพิ่มขึ้นในส่วนของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายบางรายการเข้ามา ส่งผลให้ทั้งปีประมาณการ กำไรสุทธิที่ 93 ล้านบาท ลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้น 0.15 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 2563 ฝ่ายวิจัยมองว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จะมีความยืดเยื้อยาวนานไปอีกปี  สำหรับโรงพยาบาลเอกชัย กรณีที่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จำเป็นหรือโรคที่มีความซับซ้อนรุนแรง จะเป็นที่หนึ่งที่ประชาชนหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่กลุ่มเป้าหมายเป็นคนไข้เด็ก ที่ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะพยายามให้หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง ศูนย์ฉุกเฉินที่เป็นศูนย์ที่ทำรายได้สูงเอง ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่าได้รับผลกระทบจากการที่มีการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่างในพื้นที่อุตสาหกรรม และการหยุดอยู่บ้านไม่เคลื่อนย้าย ทำให้อัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลง รวมถึงศูนย์ผู้มีบุตรยากที่ส่วนมากเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีนเป็นหลัก

Back to top button