WICE กำไรปี 63 ยังดี หาจังหวะสะสมช่วงราคาอ่อนตัว

แม้ทางนักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการกำไร WICE ในปี 2563 ลง เหลือเติบโตเพียง 85 ล้านบาท แต่ถึงอย่างไรก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน


คุณค่าบริษัท

แม้ว่า ทางนักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการกำไร บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ  WICE ลงในปี 2563 เหลือเติบโตเพียง 85 ล้านบาท แต่ถึงอย่างไรก็ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

เนื่องจากคงมีแรงผลักดันของฐานกำไรที่ต่ำเพียง 62 ล้านบาท ในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่ทาง WICE ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าตลอดปี โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางอากาศที่ WICE (Singapore, SG) ซึ่งบริการมีสัดส่วนสูง 35% แล้วจนหดตัวลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ WICE จะใช้สิทธิซื้อหุ้น WICE (SG) ที่เหลือ 30% ตามตัวเลือกก่อนหน้าภายในเดือน ส.ค. 2563 เพื่อเข้าถือหุ้นเต็มจำนวน 100% ซึ่งคาดจะส่งกำไรเข้าบริษัทเพิ่มอีกราว 5 ล้านบาทในปี 2563 จากฐานกำไร WICE (SG) ปีละ 60 ล้านบาทเต็มปี

ขณะเดียวกันการบริการขนส่งแบบทางถนนข้ามประเทศ (Cross boarder) ซึ่งในปี 2562 เติบโตถึง 827% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่งเริ่มธุรกิจในเดือน ต.ค. 2561 ซึ่งผู้บริหารคาดว่าจะเริ่มผ่านจุดคุ้มทุนในปีนี้ หลังการบริหารการขนสินค้าขากลับจากจีนลงมามากขึ้น โดยในปี 2562 มีสินค้าขาล่องเพียง 30% ของพื้นที่ให้บริการซึ่งทางผู้ให้บริการตั้งเป้า 70% ในปีนี้

อย่างไรก็ตามทางบริษัทมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง รายได้เติบโตเท่าตัวจากปี 2559 ทะลุ 2.0 พันล้านบาท และเครือข่ายขนส่งเพิ่มเติมในสิงคโปร์และในฮ่องกง-จีน และสร้างธุรกิจ Cross boarder ได้แล้ว และกำลังจะผ่านจุดคุ้มทุนแล้วอีกด้วย พร้อมกับมองว่าการที่ประเทศจีนเริ่มแสดงการฟื้นตัวในภาคการผลิต ก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อการกลับเข้าลงทุน

ที่สำคัญผลการดำเนินงานค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรายได้ และกำไรสุทธิ

สำหรับส่วนของรายได้ในปี 2559 มีรายได้รวม 1,035.64 ล้านบาท ต่อมาในปี 2560 รายได้รวมขยับขึ้นอยู่ที่ 1,402.33 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2561 รายได้รวมขยับขึ้นอยู่ที่ 1,850.12 ล้านบาท และในปี 2562 รายได้รวมขยับขึ้นอยู่ที่ 2,230.88 ล้านบาท

เช่นเดียวกับกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น อย่างในปี 2559 มีกำไรสุทธิ 77.18 ล้านบาท ต่อมาในปี 2560 มีกำไรสุทธิ 89.70 ล้านบาท ส่วนในปี 2561 มีกำไรสุทธิ 96.19 ล้านบาท และในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 61.97 ล้านบาท

ดังนั้นด้วยราคาหุ้นปรับตัวลงมา 65% หลังจากบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ลดคำแนะนำในเดือน พ.ค. 2562 จนปัจจุบันซื้อขายเพียงค่า P/BV ปี 2563 ที่ 1.0 เท่า เทียบกับอดีต 3-4 เท่า และต่ำกว่าราคา IPO ที่ 2.10 บาท ที่เข้าเทรดเมื่อ 28 ก.ค. 2558

นับว่าราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำ ถือเป็นช่วงจังหวะเข้าเก็งกำไร เพราะอย่างไรทางนักวิเคราะห์ก็ยังประเมินว่าผลการดำเนินงานปี 2563 จะยังเติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนแม้ว่าจะปรับลดกำไรสุทธิลงก็ตาม

ขณะที่ในเชิงธุรกิจมีพัฒนาการไปไกลอย่างมาก มองเป็นโอกาสในการเริ่มทยอยสะสม โดยมีการแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. นางอารยา คงสุนทร 146,978,780 หุ้น 22.55%
  2. นายชูเดช คงสุนทร 101,139,320 หุ้น 15.51%
  3. น.ส.ฐิติมา ตันติกุลสุนทร 66,857,280 หุ้น 10.26%
  4. น.ส.พรไพเราะ ตันติกุลสุนทร 45,952,200 หุ้น 7.05%
  5. นายพัทธดน คงสุนทร 26,337,000 หุ้น 4.04%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเอกพล พงศ์สถาพร ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ
  2. นางอารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายชูเดช คงสุนทร กรรมการ
  4. นางสาวฐิติมา ตันติกุลสุนทร กรรมการ
  5. น.ส.บุศรินทร์ ต่วนชะเอม กรรมการ

Back to top button