STA แรลลี่ยาว! นลท.โกยรีเทิร์นเกิน80% โบรกฯแห่อัพเป้า-เพิ่มกำไรปีนี้ รับยอดขายถุงมือยางโต

STA แรลลี่ยาว! นลท.โกยรีเทิร์นเกิน80% โบรกฯแห่อัพเป้า-เพิ่มกำไรปีนี้ รับยอดขายถุงมือยางโต


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA หลังจากสังเกตเห็นว่านับตั้งแต่ต้นปี 2563 หรือระยะเวลาประมาณเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น STA ปรับตัวขึ้นสูงถึง 86% นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 10 บาท เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2562 ขณะที่ราคาหุ้นวานนี้ (20 พ.ค.2563) ปิดที่ 18.60 บาท บวก 1 บาท หรือ 5.68% ด้านมูลค่าซื้อขาย 990.02 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 20.60 บาท อยู่ 10.75%

โดย นักวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” STA และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20.60 บาท จากเดิม 15 บาท อิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 14 เท่า โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/63 จะยังเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจถุงมือยางยังเติบโตโดดเด่นจากดีมานด์ที่ยังอยู่ในระดับสูง จากผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลให้ปริมาณขายและราคาขายปรับสูงขึ้น ทั้งนี้ราคาขายเป็นราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ซึ่งสูงกว่าราคายางในตลาดปัจจุบัน

ด้านธุรกิจยางแท่ง มีการเลื่อนคำสั่งซื้อจากผลกระทบ COVID-19 เนื่องจากโรงงานในหลายประเทศปิดดำเนินงานจากมาตรการล็อคดาวน์เมือง คาดว่าปริมาณขายจะลดลงเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน แต่เติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน

อย่างไรก็ตามคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงจะช่วยชดเชยปริมาณขายที่ลดลงได้ ขณะที่ธุรกิจยางแผ่น  มีดีมานด์ลดลงจากผลกระทบ COVID-19 แต่ด้วยสัดส่วนรายได้เพียง 10% ของยอดขายรวมเท่านั้น คาดว่าส่งผลกระทบไม่มากนัก นอกจากนี้เงินบาทอ่อนค่าเป็นปัจจัยหนุน STA เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 86%

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/63 บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งถุงมือยาง 33,000 ล้านชิ้นต่อปี ตามที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้ปัจจุบัน STA กลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และมีแผนขยายกำลังการผลิตเป็น 50,000 ล้านชิ้นต่อปีในปี 2567 และเป็น 100,000 ล้านชิ้นต่อปีภายในปี 2575

นอกจากนี้บริษัทขยายการส่งออกถุงมือยางไปยัง 140 ประเทศทั่วโลก (เดิม 95 ประเทศ) ซึ่งจะช่วยขยายฐานลูกค้าในอนาคตได้ รวมถึงผลกระทบจาก COVID-19 ส่งผลให้ธุรกิจถุงมือยางเติบโตโดดเด่น จากปัจจัยหนุนดังกล่าว ดังนั้นบล.เอเชีย เวลท์ จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-2564 เพิ่มเป็น 2,269 ล้านบาท และ 2,420 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 128% และ 104% ตามลำดับ จากประมาณการเดิม

ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “เก็งกำไร” หุ้น STA และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาท มองแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/63 สดใสต่อจากธุรกิจถุงมือยางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน เพราะรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาสและราคาขายปรับขึ้นตามความต้องการใช้ที่มากขึ้นและมีคำสั่งซื้อยาวถึงกลางปีหน้าแล้ว ส่วนธุรกิจยางธรรมชาติมีแนวโน้มชะลอเล็กน้อย ปริมาณขายลดลงตามความต้องการยางล้อที่ลดลง ราคาขายลดแต่ยังสูงกว่าราคายางโลก

ขณะที่แนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 อาจชะลอลงเพราะถือหุ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ลดลงจาก 81% เหลือ 56% ภายหลังการ IPO ของ STGT ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 30% เป็น 2.4 พันล้านบาท

ด้าน นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น STA ปรับราคาพื้นฐานเพิ่มเป็น 19 บาท/หุ้น โดยยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของการดำเนินงานทั้งกลุ่มยางธรรมชาติและถุงมือยาง โดยกลุ่มยางธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่จะขายให้กับลูกค้ากลุ่มยางล้อและเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้นสูงทำให้ทางฝ่ายปรับลดปริมาณขายลงจากเดิมเหลือ 1.2 ล้านตันแต่การขายที่ยังได้ราคาขายที่ดีกว่าราคาตลาด

ประกอบกับการซื้อวัตถุดิบการแย่งซื้อวัตถุดิบไม่มากอย่างในอดีตจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในไทยที่หายไปทำให้การบริหารจัดการทั้งการซื้อและการขายทำได้ดีขึ้นและส่งผลให้ margin กลุ่มยางธรรมชาติดีขึ้น

ส่วนกลุ่มถุงมือยางได้รับอานิสงส์จาก COVID-19 ที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งปริมาณและราคาขายเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับปกติ ประกอบกับบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตถุงมือยางเป็น 33,00 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าจะทำให้ปริมาณขายเพิ่มเป็น 28,700 ล้านชิ้น

ขณะที่ราคาขายเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความสามารถในการปรับราคาขายได้และยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ดีขึ้นตามธุรกิจยางธรรมชาติที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ได้ปรับกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2,227 ล้านบาท

Back to top button