GOLD เตรียมถอนจากตลาดฯ หลัง FPT ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นทั้งหมด

GOLD เตรียมถอนจากตลาดฯ หลัง FPT ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นทั้งหมด


นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GOLD เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 63 บริษัทได้รับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ GOLD ในการเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากบบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด FPT

โดยเป็นไปตามแผนของ FPT ที่ได้ประกาศเริ่มรับซื้อรอบแรกในเดือนมิ.ย.62 เพื่อปรับกลยุทธ์ เพิ่มศักยภาพของการเชื่อมโยง ต่อยอด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มให้อยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกัน ในการเป็นผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) โครงการเชิงพาณิชย์ (Commercial) และพื้นที่เชิงอุตสาหกรรม (Industrial) ภายใต้ FPT

ทั้งนี้ การขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของ GOLD ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯนั้นได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของ GOLD เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 62 และ ณ วันที่ 19 พ.ค. 63  ขณะที่ FPT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GOLD จำนวน 2,222,623,901 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 95.65% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GOLD โดย FPT จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ GOLD จำนวน 101,096,099 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 4.35% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ GOLD โดยมีราคาเสนอซื้อ 8.50 บาทต่อหุ้น ระยะเวลารับซื้อรวมทั้งสิ้น 45 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.-23 ก.ค. 63

สำหรับก้าวต่อไปของโกลเด้นแลนด์ คือ การก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร (Fully Integrated Real Estate Company) ที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) โครงการเชิงพาณิชย์ (Commercial) และพื้นที่เชิงอุตสาหกรรม (Industrial) แห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้นโยบายการลงทุนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ในการเพิ่มศักยภาพที่จะเติบโตอย่างสมดุล และยั่งยืนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

“เมื่อ GOLD รวมกับ FPT แล้วจะกลายเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์รวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท และมั่นใจว่าก้าวต่อไปของการรวมกันในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้พนักงานของบริษัททุกคนได้เติบโตตามศักยภาพด้วยเช่นกัน”นายธนพล กล่าว

Back to top button