ไทยสุดเจ๋ง! “WHO” เลือกเข้าร่วม ถอดบทเรียนป้องกัน “โควิด” ประเทศแรกของโลก

ไทยสุดเจ๋ง! “WHO” เลือกเข้าร่วม ถอดบทเรียนป้องกัน “โควิด” ประเทศแรกของโลก


นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยเข้าร่วมการถอดบทเรียนการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยทีมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) องค์กรระหว่างประเทศ และสถาบันในประเทศ ระหว่างวันที่ 20-24 ก.ค.63 ซึ่งมีผู้แทนและผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ หน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนจากองค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาลรัฐและเอกชน มหาวิทยาลัย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ความร่วมมือไทย-สหรัฐ ด้านสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มูลนิธิรักษ์ไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และอีกหลายหน่วยงาน เข้าร่วมกว่า 100 คน ใน 9 เสาหลักสำคัญต่อการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ได้แก่

1) การประสานงาน การวางแผน การติดตามและประเมินผลในระดับประเทศ

2) การสื่อสารความเสี่ยงและการมีส่วนร่วมของชุมชน

3) การเฝ้าระวัง การสอบสวนโรค และการติดตามผู้สัมผัส

4) ช่องทางเข้าออกประเทศ

5) ระบบห้องปฏิบัติการแห่งชาติ

6) การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ

7) การจัดการผู้ป่วย และการแบ่งปันความรู้ นวัตกรรมและการวิจัย

8) การสนับสนุนการปฏิบัติงานและการขนส่งในห่วงโซ่อุปทาน และการจัดการกำลังคน

และ 9) การบำรุงรักษาด้านบริการสุขภาพที่จำเป็นระหว่างการระบาดของโรคโควิด-19

โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่เข้าร่วมการถอดบทเรียนการดำเนินงานจัดการปัญหาโรคโควิด-19 โดยใช้เครื่องมือที่องค์การอนามัยโลกได้พัฒนาขึ้นมาใหม่

นพ.สมบัติ แทนประเสริฐสุข นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเข้าร่วมการถอดบทเรียนการดำเนินงานภายใต้การระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนางานป้องกันควบคุมโรค พัฒนาระบบบริหารจัดการภายใต้ภาวะฉุกเฉิน รวมถึงพัฒนากระบวนการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ดียิ่งขึ้น เพื่อก้าวไปสู่ความมั่นคงด้านสุขภาพของประเทศไทย พร้อมรับมือกับการระบาดระลอกสองที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศไทย จะไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศมาหลายสัปดาห์แล้ว แต่ยังมีการรายงานการพบผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศในสถานกักกันที่สนับสนุนโดยรัฐบาล ดังนั้น ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงมีความจำเป็นในการป้องกันโรค

สอดคล้องกับผลการประชุมเตรียมการถอดบทเรียน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากหลายภาคส่วน เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจัดโดยสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค พบว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งในการป้องกันควบคุมโรคที่ดี อันเกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรเอกชนสาธารณประโยชน์ ระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับพื้นที่ที่ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการและให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี รวมถึงความร่วมมือจากประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ในการสนับสนุนการดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ และให้ร่วมมือในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อโควิด-19

Back to top button