CHAYO กางแผนครึ่งปีหลังออกหุ้นกู้ 2.5 พันลบ. รองรับโอกาสทองซื้อหนี้เพิ่ม

CHAYO กางแผนครึ่งปีหลังออกหุ้นกู้ 2.5 พันลบ. รองรับโอกาสทองซื้อหนี้เพิ่ม


นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/2563 มีรายได้รวมอยู่ที่ 121.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.52 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.10% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 49.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.52%

โดยสาเหตุการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 44.45 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของธุรกิจใหม่ ซึ่งได้แก่รายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อและรายได้จากการขายจำนวน 1.79 ล้านบาท และ 0.3 ล้านบาทตามลำดับ

ในขณะที่รายได้รวมสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2563  อยู่ที่ 231.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.93%  มีกำไรสุทธิอยู่ที่  86.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.80%  โดยการเพิ่มขึ้นของกำไรเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยและกำไรจากการขายสินทรัพย์รอการขาย

“ผลการทำงานที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจของลูกค้าและผู้ว่าจ้างรวมทั้งผู้ขายหนี้เพราะ แม้ว่าการจัดเก็บและการให้บริการบางส่วนจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บางรายขอหยุดพักชำระหนี้และขอเลื่อนการจ่ายออกไป ประกอบกับการเลื่อนขายทอดตลาดหลักประกันของหนี้สินด้อยคุณภาพจากกรมบังคับคดีปิดในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563) ก็ตามแต่ บริษัทก็ยังสามารถจัดเก็บหนี้ได้และขายสินทรัพย์รอการขายได้ด้วย ทำให้บริษัทมีกำไรตามเป้าหมาย” นายสุขสันต์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง 2563 คาดจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมาย ในไตรมาส 3/2563 และไตรมาส 4/2563 จะเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงที่ทางสถาบันการเงินเร่งทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมามากขึ้น รวมทั้ง การขายหนี้มีหลักประกันผ่านกรมบังคับคดีด้วยตนเอง

โดยในปีนี้บริษัทฯ วางแผนที่จะซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาท วางงบลงทุนไว้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งหากมีโอกาสอำนวย บริษัทจะซื้อให้ได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทที่วางไว้ โดยปัจจุบัน CHAYO อยู่ระหว่างการเจรจากับทางธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 800-1,200 ล้านบาท เพราะมองว่าโอกาสประมูลซื้อหนี้ในช่วงปลายปีนี้ ยังมีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพไปแล้วประมาณ 90 ล้านบาท

สำหรับการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพใหม่เข้ามาเพิ่มในปีนี้ คาดว่าจะส่งผลให้มูลหนี้คงค้างภายในปลายปีนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลหนี้คงค้างอยู่ในพอร์ตมูลค่าราว 51,233 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน 36,105 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกัน 15,128 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ บริษัทฯ ปรับลดเป้าจาก 200 ล้านบาทเป็น 100 ล้านบาท เพราะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) และผลักดันธุรกิจสินค้าออนไลน์ ขายของผ่าน call center ที่เริ่มมีผลงานเข้ามาแล้วโดย 555.shopping ขายผ่าน TV ช่อง 49 และ 97 ของ KU.Band โดย ดร.เอ้ นนทวัชร์ สร้างโอกาสในการขายผ่านช่องทางพันธมิตร

ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 25 กันยายน 2563 พิจารณาอนุมัติการเพิ่มวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ และ/หรือตั๋วแลกเงินของบริษัท จากวงเงินไม่เกิน 1,250 ล้านบาท เป็นวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ใช้ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมาบริหาร ใช้เป็นเงินลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

รวมทั้งเสนอการอนุมัติการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2563 ในรูปแบบหุ้นปันผลและเงินสด รวม 0.0277777 บาทต่อหุ้น แบ่งเป็นอัตราการจ่ายหุ้นปันผล (หุ้นเดิม :หุ้นปันผล) ในอัตรา 20 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล  0.0250000 บาทต่อหุ้น และ อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.0027777 บาทต่อหุ้น

Back to top button