ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ย.63) บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์
โดย SCM กำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ SCM ที่ระดับ 1.90 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ก่อนการเพิ่มทุน เท่ากับ 13.86 เท่า ซึ่งราคาดังกล่าวถือว่า เป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ฐานะทางการเงินที่มั่นคง และโอกาสในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต จากปัจจัยบวกเรื่องโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่และความชัดเจนในข้อกฎหมายขายตรงในประเทศพม่า
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ในฐานะผู้นำธุรกิจเครือข่ายชั้นนำแบรนด์ไทยที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นรายแรก เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าหุ้น SCM ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 8 กันยายน 2563 ในกลุ่มพาณิชย์ จะสามารถยืนเหนือราคาเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 1.90 บาท/หุ้น
เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากยอดขายและรายได้ในช่วงที่ผ่านมา แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่รายได้ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ยังอยู่ในระดับสูงถึง 417.77 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 19.46 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจาก 16.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 15.73%
“กำไรที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสินค้าของ SCM สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal ได้อย่างลงตัว เพราะผู้บริโภคใส่ใจดูแลสุขภาพ อีกทั้งเรายังมีการปรับกลยุทธ์ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”
ด้านนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCM กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนใน SET ถือเป็นการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับธุรกิจขายตรง ตอกย้ำว่าเราคือตัวจริง ทีมผู้บริหารมีความเป็นมืออาชีพ มีความโปร่งใส และธรรมาภิบาล พร้อมเติบโตเคียงข้างกับนักธุรกิจเครือข่ายที่มีกว่า 1.8 แสนคนทั่วประเทศ
อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนทั้ง 6 ประเทศ ประกอบด้วย เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ อีกทั้งโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ที่ลงทุนไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะช่วยผลักดันมาร์จิ้นให้สูงขึ้น และเป็นแรงส่งที่สำคัญในการผลักดันรายได้และกำไรของบริษัทฯ ในช่วง 3 – 5 ปีข้างหน้าให้เติบโต
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายกล่าวว่า SCM เป็นหุ้นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในปีนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง กำหนดราคา IPO ที่เหมาะสม ซึ่งราคาดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ก่อนการเพิ่มทุนเพียง 13.86 เท่า และมีดิสเค้าท์ในระดับที่จูงใจมากเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์หลายแห่งได้ประเมินเอาไว้
โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หุ้น SCM จะเป็นหนึ่งใน Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากปัจจัยเรื่องเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่สอดรับกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ และเตรียมลุยตลาด AEC เต็มตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา อีกทั้ง การลงทุนในโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จะช่วยดันมาร์จิ้นจากการผลิตให้สูงยิ่งขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จํากัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ หุ้น บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCM ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศผ่านธุรกิจแบบเครือข่ายแบรนด์ไทยเจ้าแรกที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปแห่งประเทศไทย (SET) ที่เตรียมเข้าเทรดใน SET วันที่ 8 กันยายน 2563 นี้ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานของ SCM ไว้ที่ 2.92 บาท/หุ้น อิง PER 16 เท่า ของประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2564 เทียบค่า PER เฉลี่ยของบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรงในภูมิภาคที่ 17 เท่า และมีส่วนลดจาก PER ของกลุ่มพาณิชย์ที่ 26 เท่า
ทั้งนี้ คาดว่า SCM จะมีกำไรปกติ 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 24% ต่อปี จาก 70 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 128 ล้านบาท ในปี 2564 ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของธุรกิจเครือข่ายในเมียนมา และการเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไรด้วยการลงทุนโรงงานผลิตสินค้าแห่งใหม่
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า SCM กำลังเข้าสู่ช่วงของการขยายฐานนักธุรกิจและผลประกอบการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นขยายเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศควบคู่กับการเข้าสู่ธุรกิจต้นน้ำเพื่อปรับลดต้นทุนและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งมีการประเมินมูลค่าหุ้น SCM โดยการเปรียบเทียบมูลค่ากับ PER เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียงในต่างประเทศที่ 19.00 เท่า โดยคิดเป็นมูลค่าเหมาะสมอยู่ที่ 2.70 บาท/หุ้น อิงจาก PER สำหรับปี 2564
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 – 2564 ไว้ที่ระดับ 81.62 ล้านบาท และ 95.70 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่อง 38.24% และ 17.25% ตามลำดับ สำหรับการประเมินมูลค่าพื้นฐานของหุ้น SCM ได้อิงจาก P/E ที่เหมาะสมจากค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ประมาณ 19.00 เท่า คิดเป็นมูลค่าเหมาะสมของหุ้น SCM อยู่ที่ 2.64 บาท/หุ้น
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี PER โดยประเมิน PER ที่ระดับ 20.00 เท่า หุ้น ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมที่อยู่ระดับ 24.00 เท่า บนคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2563 แบบ Fully diluted อยู่ที่ประมาณ 0.13 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าที่เหมาะสมออกมาได้เท่ากับ 2.60 บาท/หุ้น