25 หุ้นราคาพุ่งแรงชนะดัชนี (รอบ 8 เดือน)

หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจทำการร่อนตะแกรงข้อมูล “ราคาหุ้นพุ่งแรง” ในรอบ 8 เดือนแรกปี 2563 ของ SET เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีหุ้นที่เอาชนะดัชนีได้


เส้นทางนักลงทุน

หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจทำการร่อนตะแกรงข้อมูล “ราคาหุ้นพุ่งแรง” ในรอบ 8 เดือนแรกปี 2563 ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่ายังคงมีหุ้นที่เอาชนะดัชนีได้

แม้ว่าดัชนี SET Index ยังคงแกว่งตัวผันผวน อิงไปในทิศทางอ่อนตัวอยู่ก็ตาม เพราะภาพรวมรอบ 8 เดือนดัชนี SET Index ปรับตัวลง 268.67 จุด หรือ 17.01% (ด้วยดัชนีปิด 30 ธ.ค. 2562 อยู่ที่ 1,579.84 จุด เทียบกับดัชนีปิด 31 ส.ค. 2563 อยู่ที่ 1,311.17 จุด)

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลพบว่ามีหุ้นจำนวนมากที่ราคาสามารถปรับตัวขึ้นเอาชนะดัชนีได้!!! ดังนั้นจึงคัดมาเพียง 25 อันดับแรกของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นทั้งหมด ซึ่งผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนจากการถือครองหุ้นจนกระเป๋าตุง

สำหรับ 25 หุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นชนะดัชนีในรอบ 8 เดือนแรก ได้แก่ W, AS, SFLEX, JTS, STA, SINGER, APURE, ASIAN, CFRESH, RBF, SPACK, ALT, MONO, DELTA, TRUBB, SMT, AJ, WICE, TQM, SIS, SMPC, JMART, ICHI, JCK และ CCP

บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 0.04 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 0.17 บาท บวกไป 0.13 บาท หรือขึ้นไป 325% ส่วนหนึ่งเป็นการเข้าเก็งกำไรหลังจากมีการเปลี่ยนชื่อใหม่ พร้อมกับการก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Food and Beverage เกือบเต็มตัว แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทยังคงถือเงินลงทุนบางส่วนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้มีความมั่นใจว่าบริษัทจะมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไรรวมในปี 2564

บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 1.26 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 4.46 บาท บวกไป 3.20 บาท หรือขึ้นไป 253.97% เป็นผลจากการเข้าเก็งกำไรจากประเด็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งด้านรายได้และกำไรในไตรมาส 2 หลังจากประชาชนใช้เวลาในการเล่นเกมมากขึ้นช่วงอยู่บ้านในช่วงโควิด หลังช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้เปิดให้บริการเกมใหม่ทั้งสิ้น 5 เกม แบ่งเป็น พีซี 2 เกม มือถือ 3 เกม และมีแผนจะเปิดให้บริการเกมใหม่ 5 เกม (พีซี 2 เกม, มือถือ 3 เกม) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563

บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 3.68 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 12.40 บาท บวกไป 8.72 บาท หรือขึ้นไป 236.96% เป็นการเข้าเก็งกำไร ประเด็นหลักน่าจะเป็นการโชว์ฟอร์มสวย หลังครึ่งปีแรกไม่ทำให้ผิดหวัง เหตุเดินหน้าเพิ่มเครื่องจักรเจาะกลุ่มผู้ผลิตสินค้าบริโภคและอปุกรณ์การแพทย์ อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังคาดรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากแผนเดินเครื่องจักรผลิตถุงข้าวสารและซื้อเครื่องจักรใหม่ พร้อมทั้งขยายไลน์การผลิตประเภทซองพร้อมฝาปิดขนาดเล็ก (ซองซาเช่) นอกจากนี้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารและอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งได้เข้าไปเจาะตลาดดังกล่าวแล้ว โดยแผนการดำเนินงานเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ในอนาคต

บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 1.02 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 2.92 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 186.27% ถือว่าการปรับตัวขึ้นของราคาเป็นการเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิคที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีข่าวใหม่เข้ามาสนับสนุน

บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 10 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 26 บาท บวกไป 16 บาท หรือขึ้นไป 160% ซึ่งสดใสจากธุรกิจถุงมือยางหนุน เนื่องจากรับรู้กำลังการผลิตตั้งแต่ไตรมาส 1-2 แล้วจนไปถึงปีหน้า โดยทำให้ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1-2 เติบโตก้าวกระโดด ประกอบกับช่วงดังกล่าวมีการนำบริษัทลูกอย่าง STGT เข้าเทรดในตลาดรองจนทำให้เกิดแรงตอบรับจึงทำให้มีการไล่เก็งกำไร

บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 5.45 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 13.50 บาท บวกไป 8.05 บาท หรือขึ้นไป 147.71% เป็นการตอบรับจากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2563 เติบโตก้าวกระโดด ประกอบกับมีการประเมินว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่อง

บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 0.78 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 1.92 บาท บวกไป 1.14 บาท หรือขึ้นไป 146.15% เป็นการเข้าเก็งกำไรตามสัญญาณเทคนิคเป็นขาขึ้น และมีการเข้าเก็บเพื่อรอรับเงินปันผล

บริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN โดยราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2562 ที่ระดับ 4.26 บาท ขณะที่ราคาปิด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ที่ระดับ 10.20 บาท บวกไป 5.94 บาท หรือขึ้นไป 139.44% เป็นผลจากการได้รับอานิสงส์จากผลการดำเนินงานจากไตรมาส 1-2 เติบโตแข็งแกร่ง จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตขึ้น นอกจากนี้จากมาร์จิ้นพุ่ง มั่นใจธุรกิจปีนี้ดี หลังความต้องการสินค้าดีต่อเนื่อง และยังมีออเดอร์ไหลเข้ามาต่อเนื่อง

ส่วนรายละเอียดตัวเลขของราคาหุ้นที่เหลือดูได้จากตารางประกอบ

สรุปได้ว่าแม้ช่วง 8 เดือนแรกดัชนีจะปรับตัวลง แต่ก็ยังมีหุ้นที่ยังเอาชนะได้แกร่ง!!!

Back to top button