PRAPAT วิ่งต่อ 4% ลุ้นยืนเหนือ “ไอพีโอ” จับตาผลงานไตรมาส 3 ฟื้น – รายได้ปี 64 แตะ 900 ล.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT ณ เวลา 10.44 น. อยู่ที่ระดับ 1.37 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.79% สูงสุดที่ระดับ 1.39 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.33 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 29.79 ล้านบาท

ด้านนายสืบพงศ์ เกตุนุติ ประธานคณะกรรมการบริหาร PRAPAT เปิดเผยว่า บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี แม้จะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ แต่ผลการดำเนินงานในภาวะปกติมีการเติบโตเป็น 2 หลักมาโดยตลอด เชื่อว่าในอนาคตธุรกิจจะฟื้นตัวแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ดังนั้นในระยะยาวบริษัทมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้

ขณะที่ นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2563 จะดีกว่าไตรมาส 2/2563 แต่ยังไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากภาคธุรกิจโรงแรมยังกลับมาบริการไม่เต็ม 100% ซึ่งยอดขายจากโรงแรมคิดเป็น 10% ของยอดขายรวม ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐไม่ได้เห็นผลทั่วประเทศ มีการฟื้นตัวเพียงจังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ภาคธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มมีการฟื้นตัวค่อนข้างแรงเข้ามาชดเชยได้ รวมถึงยอดขายและยอดเช่าบริการของลูกค้ากลุ่มโรงเรียน มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลที่ขยายตัวดี หลังคลายล็อกดาวน์ภายในประเทศ

สำหรับในช่วงไตรมาส 4/2563 ยอดขายในบางจังหวัดได้กลับมาสู่ระดับ 80-90% แล้ว ส่วนจังหวัดท่องเที่ยวหลักยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนภาพรวมยังต้องรอประเมินอีกครั้ง เพราะเพิ่งเข้าช่วงต้นไตรมาส มั่นใจว่าภาพรวมปี 2563 จะมีรายได้รวมมากกว่า 800 ล้านบาท ลดลง 15% จากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1,003.83 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิแน่นอน หลังในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีรายได้รวม 425.60 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 11.09 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดขายผลิตภัณฑ์ทุกเซกเมนต์มีการฟื้นตัวค่อนข้างดีตามลำดับแล้ว ทั้งจากฐานลูกค้ารายใหญ่เดิม และลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเพิ่มเติม โดยเฉพาะร้านอาหารและอุตสาหกรรมอาหาร เพราะประเทศไทยยังคงเป็นครัวโลก ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อ (Order) ยาวไปจนถึงปี 2564 แล้ว และจะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยว ภายหลังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ เบื้องต้นประเมินว่าจะช่วยสนับสนุนให้มีรายได้ปี 2564 เติบโต 10% หรือมากกว่า 900 ล้านบาท จากปี 2563