PTG คาด EBITDA ปี 63 โต 10-15% เดินหน้าขยายปั้ม 50–100 สาขาตามแผน

PTG คาด EBITDA ปี 63 โต 10-15% เดินหน้าขยายปั้ม 50–100 สาขาตามแผน รักษามาร์เก็ตแชร์อันดับ 2


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 255 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  และมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 1,654 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 511 ล้านบาท หรือคิดเป็น 44.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการบริการอยู่ที่ 25,315 ล้านบาท ลดลง 3,170 ล้านบาท หรือคิดเป็นลดลง 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการในส่วนของธุรกิจน้ำมันที่ลดลง 11.7% จากราคาค้าปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการปรับตัวลดลง 19.5% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตขึ้น 9.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่รายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) เพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการเติบโตธุรกิจแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ ที่กลับมาเติบโตหลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid–19 ในไตรมาสที่ 2

โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมัน คิดเป็น 88.1% และธุรกิจ Non-Oil 11.9%  ซึ่งสามารถแบ่งกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เป็นธุรกิจแก๊สแอลพีจี 4.7% ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2.6% ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart และธุรกิจอื่นๆ 4.6% โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 1,895 ล้านบาท ลดลง 4.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับปรุงการรายงานทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 16 ซึ่งบริษัทต้องรับรู้ค่าเสื่อมราคาจากสิทธิในการใช้สินทรัพย์และดอกเบี้ยจ่ายจากหนี้สินตามสัญญาเช่าแทนการบันทึกค่าเช่าแบบเดิม

จากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ มาจากการใช้น้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ผ่านทุกช่องทางอยู่ที่ 13.9% เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และจำหน่ายผ่านสถานีบริการของ PT ของ PTG คิดเป็น 95.9% ของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้น 11.2% จากช่วงเดียวกันของปี ที่แล้ว จากการขยายจำนวนสถานีบริการ และการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน โดยในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ยังคงรักษามาร์เก็ตแชร์ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 2 คิดเป็น 16.6% ”นายพิทักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของ PTG ในไตรมาส 4 จะเติบโตอยู่ที่ 8–12% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว และคาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปีเติบโตอยู่ที่ 6–10% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าขยายสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีที่ 50–100 สาขา การขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil 100 สาขา และปรับงบการลงทุนลงอยู่ที่ 2,500–3,000 ล้านบาท จากเดิม 3,000–3,500 ล้านบาท เนื่องจากนโยบายเข้มงวดในการลงทุน

อย่างไรก็ดี จากการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน และการขยายธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจการจำหน่ายแก๊สแอลพีจี ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Palm Complex โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 40% ซึ่งคาดว่าจะได้รับในปีนี้ ประมาณ 240–260 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯ ปรับประมาณการ EBITDA ในปี 2563 อยู่ที่ 10–15% จากปีที่แล้ว จากประมาณการการเติบโตเดิมที่ 6–10%

 

Back to top button