STI ยิ้มรับกำไร Q3 “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจปีนี้โตแกร่ง ลุ้นผลประมูลโครงการรัฐ-เอกชนเพียบ

STI ยิ้มรับกำไร Q3 “ออลไทม์ไฮ” มั่นใจปีนี้โตแกร่ง ลุ้นผลประมูลโครงการรัฐ-เอกชนเพียบ


นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/2563 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563) มีกำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท อยู่ที่ 44.7 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 93.5% และงวด 9 เดือนแรกปี 2563 อยู่ที่ 111.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.6% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี โดยกลุ่มบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 31.6% อัตรากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัท 9.9%

สำหรับรายได้จากการให้บริการ งวดไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 488.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 162.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และงวด 9 เดือนแรก ปี 2563 อยู่ที่ 1,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119.3% จากการรับรู้รายได้ของบริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC เข้ามาเต็มไตรมาส 3/2563 เป็นครั้งแรก รวมไปถึง ปริมาณงานที่ให้บริการของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น และความสำเร็จในการบริหารจัดการ ส่งมอบงานได้ตามแผนที่วางไว้

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ราว 4,300 ล้านบาท โดยเป็น Backlog ในส่วนของ STI ประมาณ 1,700 ล้านบาท และ AEC ประมาณ 2,600 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน และงานภาคเอกชนจากบริษัทชั้นนำของประเทศ สะท้อนความต่อเนื่องในการรับรู้รายได้ของกลุ่มบริษัทฯ อย่างมั่นคงในอนาคต โดยงานโครงการที่บริษัทฯ ได้รับเข้ามาเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 3 จนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ลงนามสัญญาจัดจ้าง ออกแบบและควบคุมงานศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ณ สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และ งานที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง สวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่2–3  เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินแนวโน้มธุรกิจในช่วงปลายปี 2563 จนถึงปี 2564 จะได้รับอานิสงส์จากการเร่งลงทุนของภาครัฐบาล ในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมไปถึง  ภาคเอกชนเริ่มมีการขยายการลงทุน เข้ามาสนับสนุน Backlog ให้กับกลุ่มบริษัทเพียงพอรับรู้รายได้ในช่วง 3 – 4 ปีข้างหน้า สะท้อนแผนการรับรู้รายได้ที่มั่นคง และสม่ำเสมอ ซึ่งกลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง และเป็นงานที่มีมูลค่าสูงขึ้น

“ภายหลัง STI ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ  AEC ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ที่มีความเชี่ยวชาญในงานโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนให้มีการรับรู้รายได้ของ AEC เข้ามาเพิ่มเติมนับตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2563 เป็นต้นมา และสนับสนุนให้ STI มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งความพร้อมทางด้านบุคลากร และการเข้าประมูลงานได้ในระดับสูง สนับสนุนผลประกอบการ และ  Backlog ให้เติบโตก้าวกระโดด

รวมถึง แผนการ Synergy ในการควบคุมต้นทุนร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารพอร์ตรายได้เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ กลุ่ม STI มีสัดส่วนงานภาครัฐ 60% งานภาคเอกชน 40% และในอนาคต STI ไม่หยุดนิ่งในการเติบโต ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมั่นในฐานะบริษัทที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างชั้นนำของประทศ” นายสมเกียรติ กล่าว

Back to top button