SVI เรียกประชุมบอร์ดด่วน! ถกวาระ “พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ” ถูกกล่าวโทษ-หลุดเก้าอี้ CEO

SVI เรียกประชุมบอร์ดด่วน! ถกวาระ "พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ" ถูกกล่าวโทษ-หลุดเก้าอี้ CEO


บริษัทเอส วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVI ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับนายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร/กรรมการบริษัท เกี่ยวกับข้อกล่าวหากรณีการใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นของบริษัท

โดยจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทกำลังพิจารณาหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงขอคำแนะนำจากฝ่ายกฏหมายเพื่อปรึกษาหารือกับสำนักงานก.ล.ต.ในเรื่องนี้ต่อไป โดยนายพงษ์ศักดิ์ จะพ้นจากตำแหน่งกรรมการของบริษัท ตามวันที่กำหนดในหนังสือจากสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งจะแจ้งให้ทราบในขั้นตอนต่อไปทันนี้

ทั้งนี้บริษัทจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 3 ก.พ.2564 เพื่อพิจารณาหารือในเรื่องดังกล่าวและบริษัทจะดำเนินที่จำเป็นตามที่เห็นสมควรเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และบริษัทจะรายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวมถึงนักลงทุนทราบหากมีความคืบหน้าประการใดในเรื่องนี้ทันที

อนึ่ง วันนี้ (2 ก.พ.) ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 ราย ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ (นายพงษ์ศักดิ์) และนางสาวนนทิยา พลวัฒน์ (นางสาวนนทิยา) กรณีร่วมกันซื้อหุ้น SVI โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายชำระเงินรวมจำนวน 38,330,254 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามบุคคลทั้ง 2 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 นายพงษ์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรรมการบริษัท และกรรมการผู้จัดการของ SVI รู้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ของ SVI ที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ

รวมถึง นายพงษ์ศักดิ์ ได้ร่วมกับ นางสาวนนทิยา ซื้อหุ้น SVI โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท Eagle Mount Asia Equities Limited จำนวนรวม 23,951,000 หุ้น ระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน ถึง 17 กรกฎาคม 2561 ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 เวลา 19.27 น.

โดยการกระทำของนายพงษ์ศักดิ์เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยฉบับที่ 5 พ.ศ. 2559 มาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และการกระทำของนางสาวนนทิยาเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 242(1) แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายพงษ์ศักดิ์ โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 37,638,583 บาท และนางสาวนนทิยา โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด คิดเป็นเงินรวม 691,671 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ โดยในส่วนของนายพงษ์ศักดิ์ เป็นเวลา 12 เดือน และนางสาวนนทิยา เป็นเวลา 8 เดือน

โดยการกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่ไม่ต่ำกว่าที่ ค.ม.พ. กำหนดจนถึงอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง

Back to top button