AIMIRT เล็งลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ ดันมูลค่าแตะหมื่นลบ. จ่อชงผถห.ไฟเขียว 23 ก.พ.นี้

AIMIRT เล็งลงทุนเพิ่ม 3 โครงการ ดันมูลค่าแตะหมื่นลบ. จ่อชงผถห.ไฟเขียว 23 ก.พ.นี้


ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ AIMIRT ระบุว่า กองทรัสต์เตรียมขออนุมัติผู้ถือหน่วยฯ ในวันที่ 23 ก.พ.เพื่อลงทุนในทรัพย์สินใหม่อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการทิพย์ (โครงการทิพย์ 5 และ โครงการทิพย์ 8) โครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ และโครงการไทยแทฟฟิต้า มูลค่ารวมไม่เกิน 2,350 ล้านบาท หรือนับเป็นพื้นที่เช่า 121,748 ตร.ม. บนพื้นที่กว่า 134 ไร่ ในทำเลที่ตั้งที่เป็นที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ของอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า ได้แก่ พื้นที่อำเภอบางพลี และ เขตรอบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินกองทรัสต์เพิ่มขึ้นแตะหมื่นล้านบาท

โดย นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ AIMIRT กล่าวว่า ทรัพย์สินที่ทรัสต์ AIMIRT จะเข้าลงทุนมีการกระจายตัวไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพมากขึ้น ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในด้านทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่ดียิ่งขึ้นไปอีก

นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภททรัพย์สินและเพิ่มความหลากหลายของอุตสาหกรรมของกลุ่มผู้เช่า ผลักดันให้ขนาดพอร์ตทรัพย์สินของทรัสต์ AIMIRT ใหญ่ขึ้น มั่นใจว่าการลงทุนในครั้งนี้จะส่งผลให้รายได้และกำไรของทรัสต์ AIMIRT เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

สำหรับทั้ง 3 โครงการที่ทรัสต์ AIMIRT คาดว่าจะเข้าลงทุนในปีนี้ ประกอบด้วย 1) กรรมสิทธิ์ (Freehold) โครงการทิพย์ 5 และ โครงการทิพย์ 8 ตั้งอยู่ที่ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 35,774 ตร.ม. 2) กรรมสิทธิ์ (Freehold) โครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 43,481 ตร.ม. และ 3) สิทธิการเช่า 30 ปี โครงการไทยแทฟฟิต้า ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พื้นที่เช่าอาคารรวมประมาณ 42,493 ตร.ม.

ทั้งนี้การลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมนี้ จะทำให้ ทรัสต์ AIMIRT มีขนาดใหญ่ขึ้น มีสัดส่วนทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ (Freehold) ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นที่น่าสนใจต่อนักลงทุน และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้เกิดสภาพคล่องในตลาดรอง เนื่องจากเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไร มีลักษณะทางกายภาพที่ดี มีการก่อสร้างที่มีมาตรฐานระดับสากล มีทำเลที่ตั้งที่ดีอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ของการประกอบธุรกิจ มีระบบสาธารณูปโภคที่ครบถ้วน ได้รับการพัฒนาและบริหารจากผู้ที่มีประสบการณ์

 

Back to top button