BBL คาดกำไรปี 64 โตเด่น! “รับรู้รายได้เพอร์มาตา-ตั้งสำรองฯลดลง” หนุน!!

BBL โบรกฯคาดกำไรสุทธิปี 64 โตกว่า 3.17 หมื่นลบ. เชื่อว่ามีการรับรู้รายได้จากธนาคารเพอร์มาตาในอินโดนีเซียเข้ามาเต็มปี รวมถึงมีการตั้งสำรองฯลดลงมาก มาช่วยหนุนกำไรให้เติบโตขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ช่วงระหว่างปี 2564 อาจสามารถคึกคักมากขึ้นกว่าช่วงปีที่ผ่านมา เหตุจากความคาดหวังว่าปีนี้ผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ตามข้อมูลจากบทวิเคราะห์ของ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีการคาดว่า BBL จะมีกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 31,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ บล.ฟิลลิป มีการคาดว่า BBL จะมีกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 39,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นต้น

“ผลจากการประเมินว่ากำไรสุทธิปี 2564 สามารถโตโดดเด่น เชื่อว่าจะมีการรับรู้รายได้จากธนาคารเพอร์มาตาในอินโดนีเซียเข้ามาเต็มปี และจะมีการตั้งสำรองฯลดลงมาก มาช่วยหนุนกำไรให้เติบโตขึ้น”

นอกจากนี้ ข้อมูลบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ปีนี้คาดหวังผลประกอบการจาก เพอร์มาตาแบงก์ช่วยหนุน รวมถึงตั้งสำรองไม่มาก ช่วยดันผลประกอบการปีนี้ให้โตสูง แม้โควิด-19 ระบาด จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทุกประเทศ แต่เชื่อว่าหลังการฉีดให้คนส่วนใหญ่ไปมากพอ ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564

ต่อมาคาดว่า ผลประกอบการของ BBL รวมถึงเพอร์มาตาแบงก์อินโดนีเซีย (ล่าสุดถือหุ้นโดย BBL 98.71% ณ เดือนต.ค.2563 และเพิ่งควบรวมกับสาขา BBL ที่อินโดนีเซียแล้วเสร็จเมื่อเดือน ธ.ค.2563) ก็น่าจะดีขึ้นด้วย และช่วยเสริมกำไรปี 2564 ให้กับ BBL ได้ ประกอบกับการตั้งสำรองเผื่อไว้มากแล้วของ BBL และคาดปีนี้ตั้งสำรองอีกไม่มาก จะช่วยหนุนผลประกอบการปีนี้ให้โตก้าวกระโดดได้ จากปีก่อนที่กำไรลดลงมากจากผลกระทบโควิด-19 และการตั้งสำรองเพื่อรองรับ NPL ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากพอ

ขณะเดียวกันมีการตั้งเป้าสินเชื่อปี 2564 โต 3-4% ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 2.1%  คุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมน้อยกว่า 50% และคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ราว 4.5%

เช่นเดียวกับทาง BBL ประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 2564 (1) สินเชื่อโต 3-4% เทียบกับปี 2563 ที่โต 2.7% หากรวมเพอร์มาตาแบงก์ โต 14.7%  (2) ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ราว 2.1% จากปี 63 ที่ 2.25% (3) รายได้ค่าธรรมเนียมโต 3-4% จากปีก่อนที่ลดลง 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (4) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมน้อยกว่า 50% จากปีก่อนที่ 55.6%

(5) คุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ราว 4.5% จาก ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 3.9% และ 6) ตั้งเป้าสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ทั้งปีที่ 2.2 หมื่นล้านบาท จากทั้งปี 2563 ตั้งสูงถึง 3.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ยราว 1.4% ของสินเชื่อรวม

ท้ายสุดนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้น คาดโต 84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ได้มีการประเมินผลประกอบการปี 2564 เบื้องต้นหลัง BBL ประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 2564 ภายใต้สมมติฐานที่สอดคล้องกับเป้าที่ BBL ให้ไว้ โดยคาดสินเชื่อโต 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน NIM ที่ 2.13% , อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม 49.4%  การตั้งสำรองอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อเฉลี่ย 0.9% ของสินเชื่อรวม หรือราว 2.2 หมื่นล้านบาท

ผลดังกล่าวทำให้คาด BBLจะมีกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 31,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และคาด BBL จะจ่ายปันผลของงวดผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ราว 3.25 บาท หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ 2.7%

ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อลงทุน” ปรับราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 151 บาท เชื่อว่า BBL ได้ผ่านช่วงที่มีผลประกอบการที่ต่ำที่สุดไป ประกอบกับการปรับประมาณการปี 2564 ขึ้น!!!

 

Back to top button