เจาะลึก! SCGP ปิด 2 ดีล สร้างมูลค่าเพิ่ม เสริมรายได้-กำไร!

SCGP ปิด 2 ดีล ระยะเวลาสองเดือนเข้าถือหุ้น “Duy Tan” และ “Go-Pak” สร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัท เพิ่มฐานลูกค้าใหญ่ขึ้น รวมถึงรายได้และกำไรมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง


จากกรณี บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP มีการประกาศปิดดีลเข้าถือหุ้น “Duy Tan” และ “Go-Pak” แล้วเสร็จสองดีลไปเป็นที่เรียบร้อยภายในสองเดือน โดยคาดว่าสองดีลจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ SCGP เนื่องจากเชื่อว่าฐานลูกค้าของบริษัทจะใหญ่ขึ้นมาก และช่วยทำให้รายได้และกำไรมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง

อนึ่ง SCGP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 70% ใน Duy Tan Plastics Manufacturing Corporation (Duy Tan) เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564 นั้น โดยธุรกรรมดังกล่าวจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ที่ทาง SCGP ถือหุ้นทั้งหมด

โดย SCGP จะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อได้รับการอนุมัติด้านกฎเกณฑ์ต่าง ๆ จากหน่วยงานที่มีอำนาจในเวียดนามและคาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นประมาณกลางปี 2564 ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นเดิมจะยังคงถือหุ้น 30% และบริการกิจการร่วมกับ SCGP

สำหรับ Duy Tan เป็นผู้ผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูป (Rigid Packaging) ชั้นนำในเวียดนาม โดยขายสินค้าให้ลูกค้าบริษัทข้ามชาติรวมทั้งเจ้าของสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ นอกจากนี้ Duy Tan ยังผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ในบ้าน เช่น อุปกรณ์และภาชนะบรรจุอาหาร ภายใต้แบรนด์สินค้า Duy Tan โดยจำหน่ายสินค้าดังกล่าวผ่านช่องทางร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และซุปเปอร์มาร์เก็ตกว่า 16,000 แห่ง สินค้าส่วนใหญ่ของ Duy Tan ผลิตเพื่อจัดจำหน่ายในประเทศเวียดนามเป็นหลัก

พร้อมมีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคอื่นทั่วโลกอีกประมาณ 20% ทั้งนี้ Duy Tan มีฐานการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบทช์ ออกแบบ และผลิตแม่พิมพ์ และการผลิตพลาสติกแบบคงรูป

ด้านในปี 2563 บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 116,000 ตันต่อปี  ขณะที่มีรายได้ประมาณ 4,700 พันล้านดอง (ประมาณ 6,100 ล้านบาท) ส่วนด้านมูลค่าสินทรัพย์มี 5,000 พันล้านดอง (ประมาณ 6,500 ล้านบาท)

สำหรับดีล SCGP เข้าถือหุ้น Duy Tan “จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท และทำให้มี Synergies ทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทมีทั้งบรรจุภัณฑ์พลาสติกคงรูปและโพลิเมอร์ เชื่อว่าฐานลูกค้าของบริษัทในเวียดนามจะใหญ่ขึ้น จากปัจจุบัน SCGP มีส่วนแบ่งการตลาดบรรจุภัณฑ์กระดาษ 25% ในเวียดนาม หลังจากถือหุ้น 70% ใน Duy tan จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นอีก”

ประกอบกับการลงทุนใน Duy Tan เป็นการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบคงรูปของ SCGP สู่ภูมิภาคอาเซียนและเสริมความแข็งแกร่งในการที่จะรองรับทั้งผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค และผู้บริโภคในเวียดนามด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกและจากกระดาษ ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวได้มากขึ้น รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงและนำวัสดุที่ผ่านการใช้งานของผู้บริโภคมาใช้ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง แสดงถึงความยึดมั่นในหลักการของความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียนของ SCGP

นอกเหนือจากนั้นการลงทุนดังกล่าวยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากฐานลูกค้าร่วมการแลกเปลี่ยนจุดแข็งด้านการดำเนินงานและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งเน้นย้ำความเชื่อมั่นของ SCGP ที่มีต่อโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม อีกทั้งช่วยสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานของตลาดผู้บริโภค

ส่วนดีลที่ปิดจ๊อบไปก่อนหน้าของ SCGP คือการควบรวมกิจการ Go-Pak UK Limited (Go-Pak) ได้เสร็จสิ้นแล้ว โดย SCGP เข้าซื้อหุ้น Go-Pak ทั้งหมด 100% จากผู้ถือหุ้นเดิม โดยแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็นงวดแรกจำนวน 77.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 3,180 ล้านบาท) และจะชำระค่าหุ้นงวดที่ 2 และ 3 โดยพิจารณาจากผลประกอบการส่วนเพิ่มของ Go-Pak สำหรับงวดปีบัญชี 2564 และ 2565 ซึ่งคาดว่าค่าหุ้นส่วนที่เหลือจะประมาณ 30 ถึงไม่เกิน 56 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 1,230-2,300 ล้านบาท)

ทั้งนี้ ธุรกรรมดำเนินการผ่าน SCGP Solutions (Singapore) Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดย SCGP จะแสดงงบการเงินรวมของ Go-Pak ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564

สำหรับGo-Pak สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองบริสตอล สหราชอาณาจักร มีฐานการผลิตอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม ด้วยกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร 4 พันล้านชิ้นต่อปี และมีเครือข่ายการจัดหาสินค้าทั่วโลก เป็นหนึ่งในผู้นำในการให้บริการโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร สำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มประเภทนำกลับและพร้อมรับประทานในสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายกว่า 250 ประเภท

ทั้งนี้ในปี 2563 Go-Pak มีรายได้ 68.7 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 10.9 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 450 ล้านบาท) มีมูลค่าสินทรัพย์ 40.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 1,650 ล้านบาท) เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2563

ดังนั้นการเข้าซื้อหุ้น Go-Pak จะก่อให้เกิด Synergistic ประโยชน์จากการควบรวมกิจการ คือ เป็นการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารของ SCGP ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานตลาดผู้บริโภคของบริษัท และเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริกาเหนือ อีกทั้งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อาหาร และขยายความสามารถในการผลิตและจัดจำหน่ายเพื่อการเติบโตของธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน

อย่างไรก็ตาม SCGP เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนที่มุ่งเน้นความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งนำเสนอบริการด้านบรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ และบริการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายอื่น ๆ โดยมีฐานการผลิตรวม 43 แห่งในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย

เมื่อทาง SCGP มีการเข้าถือหุ้น “Duy Tan” ในสัดส่วน 70% และเข้าซื้อหุ้น Go-Pak ทั้งหมด 100% ทำให้เป็นผู้ให้บริการบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรนับตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ พร้อมทั้งจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนที่มีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าต่างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มิหนำซ้ำทั้งสองดีลจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ SCGP และทำให้ Synergies ทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม และจะสร้างฐานลูกค้าของ SCGP ในเวียดนามจะใหญ่ขึ้นแล้ว ยังทำให้ทางลูกค้าในภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึงทางยุโรป แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่าลืมว่าบริษัทแม่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีการลงทุนในกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามที่ผ่าน Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศเวียดนามของ SCC

ทั้งนี้ VKPC เป็นผู้นำตลาดในประเทศเวียดนาม เป็นผู้ผลิตที่มีกำลังผลิตมากที่สุดในประเทศตั้งแต่ปี 2552 มีโรงงานอยู่ My Phuoc Industrial Park จังหวัด Bin Duong (ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ 45 กิโลเมตร) VKPC เป็นกิจการร่วมในสัดส่วน 70% ต่อ 30% ระหว่างบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด (บริษัทย่อยของ SCC) และ Rengo Company Limited ปะเทศญี่ปุ่น

ผลตามมาเมื่อบริษัทแม่ SCC มีโรงงานที่ประเทศเวียดนาม หากทาง SCGP ส่งต่อกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามก็จะให้ต้นทุนทางการผลิตของ SCGP ต่ำลงไปอีก

ท้ายสุดแล้วหลัง SCGP เข้าถือหุ้น “Duy Tan” และ “Go-Pak” รอรับประโยชน์หลายต่อ!!!

Back to top button