JMART โชว์กำไรปี 63 “ออลไทม์ไฮ” เฉียด 800 ลบ. แจกปันผล 0.24 บ. XD 20 เม.ย.64

JMART โชว์กำไรปี 63 "ออลไทม์ไฮ" เฉียด 800 ลบ. แจกปันผล 0.24 บ. XD 20 เม.ย.64 กำหนดจ่าย 7 พ.ค.64


บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 และงวดปี 2563 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต เนื่องจากรายได้รวมของบริษัทปี 2563 เท่ากับ 11,204.0 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 130.8 ล้านบาท หรือลดลง ร้อยละ 1.2 ซึ่งการลดลงของรายได้รวมมีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้ในส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีรายละเอียดของรายได้ในงบการเงินรวม ดังต่อไปนี้

1.รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า เท่ากับ 7,342.9 ล้านบาท ลดลง 552.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.0 จากช่วง เดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของรายได้ในส่วนธุรกิจการจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อคดาวน์ของภาครัฐในการปิดศูนย์การค้า เพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19

2.รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และเงินให้สินเชื่อ และกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อ ลูกหนี้ซึ่งเป็นรายได้ในส่วนของธุรกิจการเงินทั้งในส่วนของเจเอ็มที และเจ ฟินเทค รวมเท่ากับ 2,471.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่ากับ 355.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจัดเก็บในกองหนี้ด้อยคุณภาพที่ตัดมูลค่าเงินลงทุนครบตามมูลค่าเงินลงทุนแล้ว ในธุรกิจของ เจเอ็มที ซึ่งรายได้กำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ที่ปรับสูงขึ้นอย่างชัดเจน

3.รายได้ค่าเช่าเท่ากับ 287.7 ล้านบาท ลดลงเท่ากับ 168.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากการปิดสาขาของพื้นที่ให้เช่าในส่วนธุรกิจของ เจเอเอส แอสเซ็ท เพื่อควบคุมผลการดำเนินงานให้ได้ตามเป้าหมาย

4.รายได้จากการรับประกันภัย เท่ากับ 199.1 ล้านบาท ลดลงเท่ากับ 11.5 ล้านบาทหรือร้อยละ 5.4 โดยเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดทำงบการเงินรวมของบริษัทย่อยในธุรกิจประกันภัย ซี่งบริษัทควบคุมคุณภาพในการรับประกันภัย ทำให้ยอดขายจากส่วนดังกล่าวลดลง

ด้านต้นทุนขายและบริการรวม 7,485.8 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าเท่ากับ 606.7 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 7.5 ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของยอดขายในส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือที่ได้รับผลกระทบจากช่วงล็อคดาวน์เป็นหลัก บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นจากงบการเงินรวม ในปี 2563 เท่ากับ 3,718.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในส่วนของธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น เช่น ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และธุรกิจในส่วนงานอื่นๆ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลกำไรสุทธิในปี 2563 เท่ากับ 797.9 ล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 49.5 และคิดเป็นอัตรากำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.876 ซึ่งกำไรดังกล่าวถือเป็นกำไรที่สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ในการดำเนินงานของบริษัทเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

พร้อมกันนี้ บริษัทมีมติปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 มิ.ย.63 – 31 ธ.ค.63 เป็นเงินสด 0.24 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล หรือ XD วันที่ 20 เม.ย.64 และกำหนดจ่ายวันที่ 7 พ.ค.64

Back to top button