ทริปเปิ้ลท็อป..มีเฮ

* ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีวันหยุดยาวเข้ามาคั่นการซื้อขายทีไร “โมนิก้า” มักหยิบเรื่องสัญญาณเทคนิคขึ้นมาพูดเป็นประจำ เพราะเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้แฟนคลับได้รู้ถึง “แรงซื้อ แรงขาย” เดินมาถึงจุดไหนของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการเตือนสติไม่ให้หลงระเริงไปกับข่าวเม้าท์ที่กำลังลือกันให้แซ่ดอีกด้วย จึงอยากให้เข้าใจในความหวังดีที่มีให้กับทุกคนพะยะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยมีวันหยุดยาวเข้ามาคั่นการซื้อขายทีไร “โมนิก้า” มักหยิบเรื่องสัญญาณเทคนิคขึ้นมาพูดเป็นประจำ เพราะเป็นไกด์ไลน์ที่บอกให้แฟนคลับได้รู้ถึง “แรงซื้อ แรงขาย” เดินมาถึงจุดไหนของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการเตือนสติไม่ให้หลงระเริงไปกับข่าวเม้าท์ที่กำลังลือกันให้แซ่ดอีกด้วย จึงอยากให้เข้าใจในความหวังดีที่มีให้กับทุกคนพะยะค่ะ

* ด้วยเหตุนี้ถึงอยากให้ทุกคนเข้าใจในความปรารถนาดี และมองเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแบบเหรียญสองด้านไปพร้อมกัน ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ที่ดัชนีพยายามขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 เดือน ท่ามกลางโควิด-19 ยังตามหลอนไม่เลิก น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกให้ทุกคนได้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยพร้อมขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมแล้วนะพ่อคุณ

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มีความเชื่อส่วนตัวลึก ๆ ในใจว่า หากตลาดหุ้นไทยทำทริปเปิ้ลท็อปสำเร็จเหมือนที่ประเมินทางเทคนิค น่าจะเป็นจังหวะที่ทำให้ทุกคนได้เฮอย่างแน่นอน และเรื่องนี้ก็ดูได้จากการที่ดัชนีประคองตัวปิดที่ 1,583.13 จุด ลบไป 7.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.55 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้ลุ้นตัวเลขกำไรไตรมาส 1 ที่ทยอยประกาศเข้ามาเสริมความมั่นใจแบบนี้..เคาะกันมันหยดแน่เลยลูกพี่!

* ถึงกระนั้นก็ต้องเงี่ยหูฟังข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับ Sell in May กันไว้บ้าง!..ขนาดคำพระที่ว่า “จิ้งจกทักยังต้องฟัง” นับประสาอะไรกับผู้รู้ในตลาดหุ้นที่ส่งสารเตือนปรากฎการณ์ดังกล่าวว่า ผลตอบแทนในรอบ 10 ปี ติดลบมากถึง 7 ครั้งด้วยกัน จึงอยากให้แฟนคลับละเอียดในการเล่นหุ้นรายตัวมากขึ้นสักหน่อย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรที่ทำให้นักเล่นหันไปลงทุนหุ้นนอกกระแสมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อลดแรงกดดันจากการขายของนักลงทุนสถาบันไงล่ะจ๊ะ

* ตัวอย่างนี้เห็นได้จากการทะยานขึ้นของหุ้น COTTO จนขึ้นมาติดอันดับ 1 ในกระดาน Most Active ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 2.10 บาท บวกไป 0.39 บาท หรือขึ้นไป 22.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.17 พันล้านบาท กลายเป็นช็อตที่ทำให้นักเก็งกำไรกระโจนใส่มือเป็นระวิง เพราะมองในมุมของหุ้นที่เทรดต่ำกว่า PE ที่ระดับ  30 เท่า ทำให้หุ้นตัวนี้กลายเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียวนะออเจ้า!

* เช่นเดียวกับในรายของ AJ พุ่งทะยานขึ้นมาปิดที่ 23.60 บาท บวกไป 3.10 บาท หรือขึ้นไป 15.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 17 เท่า จึงกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักเล่นสไตล์คุณค่าวิ่งเข้าใส่เต็มข้อ แถมเมื่อเหลือบดูผลงานในช่วงโควิค-19 ระบาด  หนัก ๆ ก็โตเท่าตัว จึงเชื่อได้ว่า ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นฟิล์มสำหรับบรรจุอาหาร และสิ่งของยังไปได้ดีในปีนี้เจ้าค่ะ

* ในเมื่อตลาดหุ้นมาในโทนหุ้น PE ต่ำเป็นหลัก และชูธงเรื่องกำไรเด่นเป็นสตอรี่สำคัญ “โมนิก้า” ย่อมต้องเบนเข็มไปตามกระแสนิยมกับเขาด้วยคน จึงต้องพุ่งเป้าไปยังหุ้นโบรกเกอร์อย่าง ASP เป็นตัวเลือกหลัก ประกอบกับที่ผ่านมาได้ชื่อเป็นหุ้นปันผลสูงเป็นทุนเดิม จึงมีแต้มต่อดีกว่าโบรกเกอร์รายอื่น ๆ บวกกับหุ้นยังเทรดบน PE 15 เท่า เลยอยากให้แฟนคลับประเมินการขึ้นมาปิดที่ 3.46 บาท บวกไป 0.62 บาท หรือขึ้นไป 21.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 860 ล้านบาท ยังน่าสนใจอยู่อ่ะป่าว?

* ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเปิดทางเลือกในการเล่นเก็งกำไรไว้อีกทางหนึ่ง และเที่ยวนี้คงพุ่งเป้าไปที่หุ้นที่มีสตอรี่เทิร์นอะราวด์อย่าง SCI กันสักหน่อย เพราะการพยายามขยับฐานใหม่ที่สูงขึ้นตลอดเวลา น่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้แฟนคลับขาประจำได้รู้ รวมทั้งการที่หุ้นมีบุ๊กแวลูอยู่ในระดับ 1.91 บาท มันทำให้การขึ้นมายืนปิดที่ 1.86 บาท บวกไป 0.23 บาท หรือขึ้นไป 14.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 302 ล้านบาท น่าสนใจจริง ๆ..อิอิอิ

* ส่วนม้านอกสายตาที่ทำผลงานได้แจ่มแมว และน่าจะแจ่มขึ้นไปอีกในปีนี้ “โมนิก้า” คงมองไปยังหุ้นที่ทำกาวและสติ๊กเกอร์อย่าง SELIC กันสักหน่อย! หลังผลงานในปีที่ผ่านมาทำได้ดี และในปีนี้น่าจะดีต่อเนื่อง เพราะธุรกิจขายของออนไลน์ขยายตัวตลอดเวลา แถมเมื่อไล่ดูราคาหุ้นช่วงต้นปีอยู่แค่ 1.60 บาท ต่อจากนั้นเทียบกับราคาล่าสุดอยู่ที่ระดับ 2.78 บาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า PE 10 เท่า มันช่างเหมาะสำหรับคนเล่นยาวเสียจริง ๆ เจ้าค่ะ

Back to top button