STGT กำไรเด่น ‘ช่วงที่เหลือยังดีกว่าอดีต’

นักวิเคราะห์มีการประเมิน STGT คาดช่วงที่เหลือของปีนี้จะได้รับผลกระทบจากการปรับลดราคาขายลง โดยเริ่มเห็นได้จากการปรับราคาขายของบริษัทคู่แข่ง


คุณค่าบริษัท

นักวิเคราะห์มีการประเมินต่อบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ผลการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบด้วยการปรับลดราคาขายลง โดยเริ่มเห็นการปรับราคาขายจากการที่บริษัทคู่แข่งไม่สามารถส่งออกไปขายในสหรัฐฯได้ เพราะปัญหาการใช้แรงงานของบริษัทคู่แข่ง ทำให้มีการลดราคาขายในพื้นที่อื่น อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตทั้งของบริษัทและคู่แข่งในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้จะเริ่มเห็นการปรับราคาขายลงตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ส่วนของยอดขายในไตรมาส 1/2564 กับพบว่าบริษัทมีสัดส่วนการขายในอเมริกามากขึ้นเป็น 40% จาก 31% ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการได้คำสั่งซื้อมากขึ้นเหตุคู่แข่งไม่สามารถส่งไปตลาดดังกล่าวได้ และผลกระทบจากปัญหาตู้อาจน้อยกว่าการส่งออกไปยุโรป

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการขยับขึ้นมาอยู่ที่ 15,433.67 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,775.23 ล้านบาท สาเหตุยอดขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น ด้วยความต้องการในการบริโภคถุงมือยางที่แข็งแกร่งและเป็นที่ต้องการในทุกภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งยังคงสวนทางกับกำลังการผลิตและวัตถุดิบที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 10,051.57 ล้านบาท หรือ 3.52 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 421.89 ล้านบาท หรือ 0.21 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ที่ประกาศมาคิดเป็น 33% ของประมาณการทั้งปีที่ประเมินไว้ทำให้ทางนักวิเคราะห์ปรับประมาณการขึ้นจากเดิม 5% ภายใต้สมมติฐานปริมาณเหลือเพียง 31,000 ล้านชิ้น ลดลงจากเดิม ซึ่งความยืดเยื้อของปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่เกิดขึ้น แต่ยังเพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และปรับราคาขายลงจากเดิมตามแนวโน้มการปรับลดราคาขายลง แต่หากมีการปรับ margin ขึ้นจากเดิม ทำให้ปรับกำไรสุทธิเป็น 32,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้น ทาง บล.ฟิลลิป คาดว่าการดำเนินงานของ STGT จะผ่านช่วงสูงสุดไปแล้วในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แต่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีการดำเนินงานยังมีการเติบโตได้ดีหากเทียบกับในอดีต อีกทั้งราคาปัจจุบันซื้อขายบนค่า P/E เพียง 4 เท่า และผลตอบแทนเงินปันผลที่ราว 10% ต่อปี

ดังนั้นผลตามมาคือยังคงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเพิ่มเป็น 56 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) 1,450,074,600 หุ้น 50.75%
  2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 179,741,395 หุ้น 6.29%
  3. บริษัท รับเบอร์แลนด์ โปรดักส์ จำกัด 155,326,800 หุ้น 5.44%
  4. นายไวยวุฒิ สินเจริญกุล 139,418,400 หุ้น 4.88%
  5. บริษัท ศรีตรัง โฮลดิ้งส์ จำกัด 106,753,800 หุ้น 3.74%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายวีรกร อ่องสกุล ประธานกรรมการบริษัท, กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
  2. นายไวยวุฒิ สินเจริญกุล ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นายกิติชัย สินเจริญกุล รองประธานกรรมการ
  4. น.ส.จริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่, กรรมการ
  5. นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการ

Back to top button