PTT-PTTEP วิ่งรับผลดีซาอุเปลี่ยนรัฐมนตรีน้ำมัน กูรูฟันราคาฟื้น

PTT-PTTEP วิ่งรับผลดีซาอุเปลี่ยนรัฐมนตรีน้ำมัน กูรูฟันราคาฟื้น


ผู้สื่อข่าวรายงานราคาหุ้นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ซื้อขายรอบเช้า ณ เวลา 10.41 น. อยู่ที่ 298 บาท บวก 5.00 บาท หรือ 1.71% สูงสุดที่ 300.00 บาท ต่ำสุดที่ 297.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 489.97 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้นบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP อยู่ที่ 72.50 บาท บวก 1.75 บาท หรือ 2.47% สูงสุดที่ 73.00 บาท ต่ำสุดที่ 72.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 329.29 ล้านบาทขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.34%

 

ราคาหุ้นทั้งสองตัวปรับขึ้นสวนทางภาพรวมตลาดโดยคาดว่าจะดีรับปัจจัยบวกจากกรณีที่กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่ดูแลกิจการน้ำมันมานานกว่า 20 ปีหลังจากเผชิญปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำจากปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาดโลกต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา

ขณะที่แหล่งข่าวในวงการพลังงานระบุว่าการเปลี่ยนรัฐมนตรีน้ำมันกลางคันในกรณีดังกล่าวมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับนโยบายด้านการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานหรือปริมาณซัพพลายน้ำมันมีการปรับตัวลดลงมีผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นทันที

สำหรับหุ้นที่คาดว่าได้รับอานิสงส์จากประเด็นดังกล่าวโดยตรง หากเกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการผลิตจริง คือ หุ้นในกลุ่มพลังงาน คือ PTT และ PTTEP

ในทางกลับกัน หุ้นที่อาจได้รับผลกระทบเชิงลบ หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น คือหุ้นโรงกลั่น, หุ้นปิโตรเคมี, หุ้นขนส่ง รวมถึงหุ้นสายการบินและกลุ่มอื่นๆ ที่ต้องพึ่งพาน้ำมันในการผลิต หรือสร้างรายได้เนื่องจากต้นทุนน้ำมันอาจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.) ว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกอยู่ที่ US$44.66/บาร์เรล จากต่ำสุดในวันอังคารที่ผ่านมา US$43.65/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวล supply ที่หายไปจากเหตุไฟไหม้ป่ารุกรามเข้าสู่แหล่งผลิตน้ำมันจากหินและการขนส่งน้ำมันดิบของแคนนาดา อีกทั้งซาอุฯ ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายให้ลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย

ทั้งนี้ เชื่อราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ในช่วง US$45-50/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าจะเกิดการเก็งกำไรก่อนการประชุมโอเปกในวันที่ 2 มิ.ย นี้ ดังนั้นระยะสั้นเชื่อว่าราคาหุ้น PTTEP, PTT และ TOP จะฟื้นตัวหลังปรับลงแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.) ว่า นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำ (PTT, PTTEP) แม้นักลงทุนจะไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาในปัจจุบันเทียบกับรายได้แล้วถือว่าค่อนข้างดี และยังมีอัพไซด์ในระยะยาวจากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง (PTTEP มี EV/EBITDA ที่ 2 เท่า)

Back to top button