KAsset ชู 5 กองทุน SSF-RMF ผลงานเด่น เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน

KAsset ชู 5 กองทุน SSF-RMF ผลงานเด่น เหมาะสำหรับผู้ลงทุนเก็บออมระยะยาว เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทน นำมาลดหย่อนภาษีปลายปี


นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะยาวและการวางแผนเกษียณที่น้อยอยู่ ดังนั้นจึงอยากชวนผู้ลงทุนเก็บออมในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีปลายปีผ่านกองทุน SSF และ RMF กสิกรไทย โดยกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากการกระจุกตัว รวมถึงเพื่อเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่า

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำ 5 กองทุน SSF และ RMF ได้แก่ กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม ชนิดเพื่อการออม (K-GINCOME-SSF), กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน ชนิดเพื่อการออม (K-CHANGE-SSF), กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KCHANGERMF), กองทุนเปิดเค ทาร์เก็ต รีไทร์เมนต์ 2035 เพื่อการเลี้ยงชีพ (K2035RMF) และกองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFLRMF)

สำหรับผู้ลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นกลุ่มนวัตกรรมและตามทันเทรนด์โลก สามารถเลือกลงทุนในกองทุน K-CHANGE-SSF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเติบโตสูง (Growth Stock) โดยเฉพาะกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อโลก ผ่านกองทุนหลัก Baillie Gifford Positive Change-Class B accumulation (GBP) ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นติดอันดับ 5 ดาวจาก Morningstar (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 64)

อย่างไรก็ดีที่ผ่านมากองทุน K-CHANGE-SSF ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก การันตีได้จากขนาดกองทุน 2,569.45 ล้านบาท ครองแชมป์อันดับ 1 ในกลุ่มกองทุน SSF ทั้งอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีผลการดำเนินย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 36.43% ซึ่งสูงสุดในกลุ่มกองทุน SSF ที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศเช่นกัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 64) ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจในนโยบายการลงทุนดังกล่าว และต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณ ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุน KCHANGERMF ได้เช่นกัน

สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง สามารถเลือกลงทุนในกองทุน K-GINCOME-SSF กองทุนผสมที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ช่วยให้มีโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างที่ลงทุน โดยกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลกทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ และหุ้น ผ่านกองทุนหลัก JPMorgan Investment Funds-Global Income Fund, Class A (mth)-EUR ที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลา เพื่อมุ่งหาสินทรัพย์ที่ให้รายได้สม่ำเสมอ

ส่วนผู้ที่ต้องการวางแผนเกษียณแต่ไม่มีเวลาปรับสัดส่วนการลงทุนด้วยตนเอง สามารถเลือกลงทุนในกองทุน K2035RMF ที่มีนโยบายกระจายลงทุนในกองทุนเพื่อวัยเกษียณที่ดีที่สุดในโลกตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป (Fund of funds) ทำให้กองทุนมีความยืดหยุ่น และมีการปรับสัดส่วนสินทรัพย์ให้อัตโนมัติตามช่วงอายุ (Glide Path) โดยในช่วงแรกจะเน้นลงทุนในหุ้นเพื่อให้เงินเติบโต และเมื่อขยับเข้าใกล้วันเกษียณอายุจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อป้องกันเงินต้นและลดความเสี่ยงจากการขาดทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถถือครองและลงทุนในกองทุน K2035RMF กองเดียวต่อเนื่องได้ทุกปีจนเกษียณ

ขณะที่ผู้ที่เชื่อมั่นต่อการเติบโตของตลาดหุ้นไทย สามารถเลือกลงทุนในกองทุน KFLRMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยชั้นนำพร้อมกลยุทธ์ปรับสัดส่วนหุ้นได้อย่างยืดหยุ่นตั้งแต่ 0% ถึง 100% มุ่งเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด

“ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะขยายตัว โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการปรับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น (Normalization) ทั้งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และนโยบายการเงินต่างๆ ที่ได้มีการผ่อนคลายมาในช่วงก่อนหน้านี้ก็จะมีการปรับลดความผ่อนคลายลง ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนของตลาดโดยรวมปรับลดลงเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้แนวโน้มการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกในปีหน้ายังมีการเติบโตที่ดี โดยหุ้นจะยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการเปิดเมืองในหลายประเทศทั่วโลก และการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ” นายสุรเดชกล่าว

Back to top button