SCBAM ดีเดย์ขาย “SCBDBOND” ตราสารหนี้คุณภาพเชิงรุก การันตีผลตอบแทนเด่น

SCBAM ส่งกองทุน “SCBDBOND” ลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ-เอกชนคุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ เน้นรักษาสภาพคล่องพอร์ต ชูโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่า พร้อมเสนอขาย 8-15 ม.ค. 67


นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อจัดการเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับคาดการณ์ GDP Growth จาก 2.1% เป็น 2.6% และมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะยาวยังมีทิศทางการเติบโตที่เป็นไปได้ในเชิงบวก ซึ่งยังต้องจับตามองทิศทางตลาดทุนในอนาคตที่อาจเกิดความผันผวนหากมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามากระทบ

ทั้งนี้ วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงไทย ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากภาวะเงินเฟ้อที่มีทิศทางชะลอตัว โดยธนาคารกลางในหลายประเทศ นำโดย สหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณปรับลดระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ทำให้ความกังวลด้านเศรษฐกิจถดถอย ถูกลดระดับลงเป็น Soft Landing  ส่งผลให้การลงทุนในตราสารหนี้มีความน่าสนใจ โดย SCBAM มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนสะสม เพื่อล็อคอัตราผลตอบแทน Bond Yield ในปัจจุบันก่อน ธนาคารกลางต่างๆ จะเริ่มประกาศปรับลด ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

ดังนั้น SCBAM จึงเปิด กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Dynamic Bond หรือ SCBDBOND กองทุนตราสารหนี้ที่คัดเฉพาะตราสารหนี้คุณภาพ มีกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุกที่พร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้ในทุกสภาวะตลาด โดยไม่ยึดติดกับน้ำหนักดัชนีอ้างอิงใด พร้อมเปิดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 8-15 มกราคม 2567

โดยกองทุน SCBDBOND เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ-เอกชนคุณภาพดีระดับ Investment Grade ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เงินฝาก และตราสารอนุพันธ์ ซึ่งทีมผู้จัดการกองทุนจะทำการคัดเลือกตราสารจากปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental) เพื่อค้นหาตราสารหนี้ที่มีมูลค่าน่าสนใจ (Valuation) และมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ด้วยการเปรียบเทียบมูลค่าการลงทุนจาก Yield และ Credit Spread เน้นรักษาสภาพคล่องให้กับพอร์ตลงทุน ตรวจสอบสัดส่วนการลงทุนให้เป็นไปตามอัตราส่วนที่กำหนด ติดตาม และประเมินความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ

รวมถึงการบริหาร การปรับสัดส่วนพอร์ตลงทุน และอายุของตราสารหนี้ (Duration) ที่เข้าไปลงทุนทั้งในรายประเทศ ภูมิภาค และระดับอุตสาหกรรมให้สอดคล้องตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ย โดยกองทุนจะมีการลงทุนกับตราสารหนี้ภาครัฐ และเงินฝากในต่างประเทศที่ครอบคลุมรวม 6 ประเทศ ประกอบด้วย 2 ประเทศพัฒนาแล้ว คือสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และ 4 ประเทศในตลาดเกิดใหม่ คือ เกาหลีใต้ จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ โดยภาพรวมแล้ว กองทุนจะมีกรอบอายุของตราสารหนี้ที่ยืดหยุ่นระหว่าง ต่ำกว่า10 ปี ถึงมากกว่า 10 ปี ซึ่งในภาวะที่ตลาดทุนมีสถานการณ์ปกติ พอร์ตกองทุนจะมีกรอบอายุตราสารเฉลี่ยที่ประมาณ 6-7 ปี และหากอนาคต ตลาดทุนอยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น (ตลาดกระทิง) และอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลด กองทุนจะปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตราสารที่มีกรอบอายุระยะยาวมากขึ้น ในขณะที่ กรณีตลาดทุนเกิดความผันผวนและตลาดทุนปรับตัวอยู่ในภาวะขาลง (ตลาดหมี) กองทุนจะปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารกรอบอายุระยะยาวและเพิ่มสัดส่วนตราสารกรอบอายุระยะสั้นทดแทน เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนรวมที่เหนือกว่า จากการปรับตัวของตลาดทุนในทุกมิติได้

 “กองทุน SCBDBOND เป็นกองทุนตราสารหนี้ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่ากองทุนตราสารหนี้อื่น จาก Scoring Model การสร้างพอร์ตลงทุนที่พิจารณาจากปัจจัยหลัก 3 ด้านคือ Fundamental, Trading และ Valuation ร่วมกับการใช้เครื่องมือเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในอัตราดอกเบี้ยและการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้จากการลงทุนระยะยาว หรือ 12 เดือนขึ้นไป นอกจากนี้ SCBAM ยังมีกองทุนตราสารหนี้ที่ให้เลือกเข้าลงทุนได้ในอีกหลายกรอบระยะเวลา เพื่อกระจายความเสี่ยง และใช้เป็นช่องทางหาโอกาสการรับผลตอบแทนได้เช่นกัน” นางนันท์มนัส กล่าวเพิ่มเติม

Back to top button