ถอดรหัสความสำเร็จ ซีอีโอ MENA ขับเคลื่อนธุรกิจรถมิกเซอร์ กำลังเดินหน้าแผน IPO เข้า SET

“บมจ.มีนาทรานสปอร์ต (MENA)” อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของงานก่อสร้างและงานโครงการขนาดใหญ่หลากหลายโครงการ โดย MENA เป็นผู้ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) รวมทั้ง ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในผู้นำในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถมิกเซอร์รายใหญ่ของประเทศไทย ด้วยจำนวนรถที่มากที่สุด สามารถรองรับงานขนาดใหญ่ได้


นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA เปิดเผยว่า มีนาทรานสปอร์ตเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อ ..2536 โดย คุณณัฐพล ขจรวุฒิเดช และ คุณสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี จากเดิมทั้งสองท่านประกอบธุรกิจขนส่งก๊าซปิโตรเลียมมาก่อน และได้เข้าสู่ธุรกิจขนส่งสินค้าที่มิใช่ก๊าซปิโตรเลียมด้วยการเข้าซื้อรถขนส่งจากเพื่อนของคุณณัฐพล ซึ่งตอนนั้นมีรถสิบล้อและรถหัวลากแบบพ่วง อยู่ประมาณ 40 คัน นำมาให้บริหารจัดการต่อ

จึงตั้งชื่อบริษัทมีนาทรานสปอร์ตเป็นแบรนด์ใหม่ของตนเอง และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของอาณาจักรผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ของประเทศ (ปัจจุบันรถชุดแรกนี้เปลี่ยนเป็นรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยในการขนส่งและตอบสนองงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น)

จากนั้นในปี 2546 – ปี 2549 ได้ขยายธุรกิจขนส่ง ลงทุนซื้อรถเทรลเลอร์เพิ่มอีก 60 คัน รวมเป็น 100 คัน พร้อมลงทุนในรถกึ่งพ่วงประเภทเฉพาะกิจปูนซีเมนต์ผง (หาง Bulk) รถกึ่งพ่วงประเภทอื่นๆ (หางยกเท หางก้างปลา และหางพื้นเรียบ) รวมอีก 104 คัน เพื่อขนส่งสินค้า เช่น ขี้เถ้าลอย (Fly Ash) วัสดุก่อสร้าง แร่วัตถุดิบ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ให้กับลูกค้าไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงขนส่งข้ามชายแดนไปยังประเทศลาวและประเทศกัมพูชา

ในปี 2550 คุณสุวรรณาได้เล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจให้ครอบคลุมการบริการด้านการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จ รวมถึงได้รับการชักชวนจากผู้ว่าจ้างรายใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ จึงตัดสินใจซื้อรถมิกเซอร์เป็นครั้งแรก จำนวน 50 คัน

โดยในช่วงเริ่มแรกได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนจากบริษัทปูน และด้วยการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ โดย MENA เข้ามาปรับเปลี่ยนระบบให้บริการรถผสมคอนกรีตรูปแบบใหม่เพื่อตอบโจทย์การให้บริการเหนือความคาดหมาย และช่วยให้ผู้ว่าจ้างสามารถเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับผสมผสานประสบการณ์ในการให้บริการขนส่งมาก่อน จึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ MENA ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตคอนกรีตชั้นนำ ให้ลงทุนขยายกองยานรถมิกเซอร์ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถกินพื้นที่ให้บริการรถมิกเซอร์ได้ทั่วกรุงเทพ ปริมณฑล และในโซนภูมิภาคต่างๆ

โดยปัจจุบัน MENA เป็นที่ไว้วางใจต่อลูกค้าบริษัทปูนซีเมนต์ชั้นนำของประเทศไทย อาทิ บริษัท นครหลวงคอนกรีตจำกัด (INSEE) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง บริษัท เอเซียผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ จำกัด (BUA Concrete) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์เอเซีย และ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย รวมถึง การขยายขอบเขตการให้บริการไปยังบริษัทผู้ผลิตท้องถิ่นอื่นๆ ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ MENA ไม่หยุดนิ่งในการแสวงหาโอกาสการเติบโต ในปี 2559 ได้เริ่มเข้ามาขยายธุรกิจ ตัวแทนจำหน่ายคอนกรีตผสมเสร็จ ปูนผง และขี้เถ้า รวมทั้ง การขยายการให้บริการ และนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจ ในปี2563 เริ่มให้การบริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิด้วยรถขนส่งขนาดเล็ก 4 – 6 ล้อ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และรองรับงานที่หลากหลายมากขึ้น

ขณะเดียวกัน MENA ใช้กลยุทธ์การบริหารกองยานด้วยระบบ และมาตรฐานที่มุ่งเน้นการบริการที่เป็นเลิศ พร้อมใส่ใจพนักงานจัดส่ง ทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ของเรา และดำเนินธุรกิจภายใต้สโลแกนคุณยิ้ม เรายิ้มเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรของ MENA ให้มีรอยยิ้มและจิตบริการ ปลูกฝังใน DNA ของทุกคน ทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง และปัจจุบันมีรถภายใต้การบริหารร่วม 500 คัน แบ่งเป็น รถมิกเซอร์ 466 คัน และรถเทรลเลอร์ (หัวลาก) 75 คัน นอกจากนี้ ยังมีรถกึ่งพ่วง หรือหางลากประเภทต่างๆ 105 คัน รวมทั้ง มีพนักงานจัดส่งภายใต้การบริหารของบริษัทราว 500 คน

โดยข้อมูลในปี 2563 MENA มีปริมาณการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จกว่า 1.64 ลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็น9.2% ของยอดผลิตคอนกรีตทั้งประเทศ และมีปริมาณการให้บริการของรถเทรลเลอร์ 20,990 เที่ยวต่อปี ถือเป็นผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่มีรถผสมคอนกรีตรองรับความต้องการของลูกค้าในงานโครงการขนาดใหญ่ได้อันดับต้นๆ ของประเทศ

ทั้งนี้บริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวมุ่งสู่มาตรฐาน และการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ตัดสินใจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 3 ปี และในปี 2564 นี้ ถือเป็นอีกความสำเร็จอีกก้าวหนี่งของมีนาทรานสปอร์ต ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกในธุรกิจรถผสมคอนกรีตที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET)

ถึงแม้ว่าธุรกิจรถมิกเซอร์ กับผู้หญิง จะดูไม่เข้ากันเลย แต่คุณสุวรรณา ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ของหญิงแกร่ง ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังมีทายาทรุ่นที่ 2 คือ คุณแตงโมสุดารัตน์ ขจรวุฒิเดช เข้ามานั่งเก้าอี้กรรมการบริษัท และผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ ช่วยสานต่อและเป็นแนวทางความคิดใหม่ๆ ของคนอีกรุ่น จากบุตรทั้งหมดที่มีจำนวน 6 คน ที่จะเริ่มเข้ามาเป็นแรงเสริมผลักให้มีนาทรานสปอร์ตก้าวไปข้างหน้า และสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ด้วยวิสัยทัศน์เป็นผู้ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จชั้นนำของประเทศ พร้อมขยายธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล

สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ของ MENA ในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 25.1% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ วัตถุประสงค์การระดมทุน เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการในอนาคต โดยคาดว่าจะนำไปใช้สำหรับขยายกองยานรถมิกเซอร์ตามแผนที่วางไว้ และการต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัทฯ ซึ่งมีนโยบายกำหนดอัตราผลตอบแทนภายในขั้นต่ำ (IRR) เพื่อประโยชน์แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้น รวมทั้ง นำไปจ่ายคืนหนี้สินและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

ทั้งนี้มีนาทรานสปอร์ตเป็นธุรกิจขนส่งสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่จะมีงานระยะยาวตามแผนพัฒนาประเทศอยู่เสมอ โดยในช่วง 3-5 ปีจากนี้ มองว่าจะมีการลงทุนของภาครัฐในงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องได้แก่ โครงการ EEC โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน  โครงการรถไฟทางคู่ และ การพัฒนาเมืองที่ต่อเนื่องจากโครงการพัฒนาสาธารณูปโภค รวมทั้ง การปรับกลยุทธ์ต่างๆ ให้สอดคล้องกับการขยายงานโครงการของกลุ่มลูกค้าหลัก และการขยายพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้น ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยการเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และสนับสนุนแผนการเติบโตของ MENA ให้เป็นไปตามที่วางไว้ได้

ดังนั้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีความพร้อมยิ่งขึ้น ในการขยายการให้บริการ และขยายฐานลูกค้า อีกทั้ง ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีนโยบายในการผ่อนชำระค่ารถต่อเนื่อง ทำให้ในช่วง 5 ปีจากนี้ต้นทุนดอกเบี้ยบริษัทจะลดลง และสนับสนุนให้กระแสเงินสดของบริษัทคงเหลือค่อนข้างเยอะ เป็นโอกาสในการขยายงานและการลงทุน โดยจะอัพเดทให้ทุกท่านทราบหลังมีความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

Back to top button