ดักเก็บ 11 หุ้นค่า “P/E-P/BV” ต่ำ พ่วงยีลด์เกิน 4%

เปิด 11 หุ้น SET100 มีค่า P/E และ P/BV ต่ำ ผนวกกับอัตราเงินปันผลตอบแทนเกิน 4% ชูหุ้นเด่น SPALI, STGT, KBANK, KTB, RATCH, BBL, AMATA, GUNKUL, TLI, BCPG และ BLA


ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกไป 33.30 จุด หรือ 2.99% มีแรงซื้อกลับเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ

ข้อมูลล่าสุดจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติได้กลับเข้ามาซื้อสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. -14 ก.ค. 68 เช่นวันที่ 7 ก.ค. ซื้อสุทธิ 573.67 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 8 ซื้อสุทธิ 161.94 ล้านบาท พร้อมด้วยวันที่ 9 ก.ค ซื้อสุทธิ 6.68 ล้านบาท, วันที่ 11 ก.ค. 68 ซื้อสุทธิ 2,187.35 ล้านบาท และวันที่ 14 ก.ค. 68 ซื้อสุทธิ 1,374.01 ล้านบาท อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายวันทำการที่ผ่านมา

หลังจากที่ก่อนหน้านี้เน้นเทขายเพื่อลดความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การไหลกลับของเม็ดเงินลงทุนสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของไทย ทั้งในเรื่องของ ค่าบาทที่เริ่มมีเสถียรภาพ, ความชัดเจนด้านนโยบายเศรษฐกิจ, รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะทยอยประกาศออกมาในเชิงบวก

ทั้งนี้จากประเด็นข้างต้น การเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีคุณสมบัติ จะช่วยเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและลดความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ผ่านการเลือกหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่า 15 เท่า, ค่า PEG ต่ำ, ค่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า และมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) สูงกว่า 4 เท่า เพื่อจะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างกระแสเงินสดให้พอร์ตในระยะยาวได้ดี

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่ามี 11 บริษัทที่อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว ได้แก่ SPALI, STGT, KBANK, KTB, RATCH, BBL, AMATA, GUNKUL, TLI, BCPG และ BLA โดยหุ้นเหล่านี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอยู่แล้ว เนื่องจากมีมูลค่าหุ้นที่ต่ำและให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ ดังนี้

ตัวอย่างเช่น บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI มีค่า P/E เพียง 4.76 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.53 เท่า รวมถึงให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงถึง 9.95%

บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT มีค่า P/E ที่ 14.07 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.46 เท่า รวมถึงให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 8.00%

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มีค่า P/E ที่ 7.68  เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.64 เท่า รวมถึงให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.57%

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB มีค่า P/E เพียง 6.82 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.67 เท่า รวมถึงให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน 7.12%

บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH มีค่า P/E อยู่ที่ 9.32 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.55 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 6.43%

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีค่า P/E อยู่ที่ 5.83 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.49 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 5.88%

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA  มีค่า P/E อยู่ที่  5.89 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.74 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 5.48%

บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีค่า P/E อยู่ที่ 7.91 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.96 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 5.03%

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI มีค่า P/E อยู่ที่ 10.70 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.91 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 4.76%

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG มีค่า P/E อยู่ที่ 13.01 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.66 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 4.21%

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA มีค่า P/E อยู่ที่ 7.84 เท่า และค่า P/BV อยู่ที่ 0.59 เท่า ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 4.15%

Back to top button