GULF ลุ้น ADVANC ขายสินทรัพย์ลดตุ้นทุนเช่า รอกินปันผล INTUCH กว่า 3 หมื่นลบ.

CGS-CIMB มองบวก GULF หาก ADVANC ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน 3.9 แสนล้านบาท อาจจะจ่ายปันผลพิเศษ ซึ่ง GULF ในฐานะผู้ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน INTUCH มีโอกาสที่จะได้รับปันผลพิเศษนี้สูงถึง 3 หมื่นล้านบาท


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGS-CIMB ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC โดยยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 217 บาท พร้อมมองว่า Singtel จะยังคงถือหุ้นใน ADVANC อยู่ หลังบริษัทออกมาประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่าจะไม่ขายหุ้น INTUCH และ ADVANC ให้กับ GULF เนื่องจากราคาซื้อ ADVANC นั้นต่ำกว่าราคาจริง และมองว่าการถือหุ้นใน INTUCH นั้นเป็นกลยุทธ์ในการลงทุนอย่างหนึ่ง โดยต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นด้วยการสร้าง B2B ดิจิทัล เซอร์วิส และตกผลึกมูลค่าใน AIS ผ่านสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานซึ่งยังไม่ได้มีการนำมาใช้

นอกจากนี้ มองว่า ADVANC ยังมีภาระเรื่องการค่าเสื่อมราคาของเสาสัญญาณ และโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสง ซึ่งอ้างอิงจากราคาที่ DIF ซื้อสินทรัพย์จาก TRUE ไปในปี 2562 ที่ราคา 1.57 หมื่นล้านบาท โดยแยกเป็น 1.31 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสง และ 2.6 พันล้านบาบทสำหรับเสาสัญญาณ จะสามารถคิดเป็นตัวเลขออกมาได้เท่ากับราคา 4.43 หมื่นบาทต่อ 1 คอร์กิโลเมตรของโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสง และ 3.3 ล้านบาท ต่อเสาสัญญาณ 1 เสา ซึ่งหากนำตัวเลขนี้มาใช้กับ ADVANC ที่มีเสาสัญญาณอยู่ 2.2 หมื่นต้น และโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสงถึง 7.2 ล้านคอร์กิโลเมตร จะทำให้ ADVANC มีสินทรัพย์อยู่เป็นมูลค่าถึง 3.9 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ หลังจากที่ทำ Sale-and-Lease-Back ทำให้ TRUE เสียค่าเช่าให้กับ DIF ตก 1.08 หมื่นบาทต่อ 1 เสาสัญญาณต่อเดือน และ 350 บาทต่อคอร์กิโลเมตรของโครงข่ายระบบใยแก้วนำแสงต่อเดือน ซึ่งถ้าหากอ้างอิงตัวเลขของ TRUE มาใช้กับ ADVANC จะทำให้ ADVANC ต้องจ่ายค่าเช่าอยู่ที่ 3.08 หมื่นล้านบาทต่อปี บวกกับค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์อีก 8.3 พันล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีผลราว 1.5 หมื่นล้านบาทต่อกำไรสุทธิทั้งปีของ ADVANC

อย่างไรก็ตาม หาก ADVANC ตัดขายสินทรัพย์ 30-80% ออกไปให้กับของ Infra Fund และถือหุ้นอยู่ราว 30% ในกอง จะช่วยลดผลกระทบจากค่าเช่า และค่าเสื่อมข้างต้นลงเหลือ 4-8 พันล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน การขายสินทรัพย์เข้า Infra Fund และถือ 30% ในกองทุน จะทำให้ NPV ลดลงจากเดิม 1.34 บาทต่อหุ้น (สมมุติฐานขายสินทรัพย์ 30%) ลงเหลือ 0.94 และจาก 3.57 บาทต่อหุ้น (สมมุติฐานขายสินทรัพย์ 80%) ลงเหลือ 2.50 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม การขายสินทรัพย์ในครั้งนี้อาจทำให้ ADVANC มีการจ่ายปันผลพิเศษ ซึ่ง GULF ผู้ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน INTUCH มีโอกาสที่จะได้รับปันผลพิเศษนี้สูงถึง 3 หมื่นล้านบาท

โดยเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา GULF รายงานถึงการได้มาของหุ้น INTUCH อีก 318.2 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนราว 2.07 หมื่นล้านบาท อ้างอิงจากราคา Tender Offer ที่ 65 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มถึง 9.92% จากเดิมที่ถืออยู่ 18.93% ทำให้ GULF มีสิทธิ์ถือครองใน INTUCH อยู่ทั้งหมด 28.85% และคาดว่าภายในวันที่ 4 ส.ค. 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการตั้งโต๊ะทำ Tender Offer นั้น GULF จะได้หุ้น INTUCH เพิ่มขึ้นมาทั้งหมด 15% จากการทำเทนเดอร์ คิดเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 3.13 หมื่นล้านบาท และจะทำให้ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 33.9%

ทั้งนี้ จากการคำนวนมูลค่าสินทรัพย์โครงข่ายระบบใยแก้วนำแสงข้างต้นโดยอ้างอิงจากราคาของ TRUE ที่ขายให้กับ DIF จะทำให้ได้มูลค่าสินทรัพย์ของ ADVANC อยู่ที่ 3.9 แสนล้านบาท ซึ่งในกรณีนี้ จะส่งผลให้ GULF ได้เงินปันผลพิเศษสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท หาก 1) ADVANC ขายสินทรัพย์ 80% เข้ากองทุน และ 2) ADVANC จ่ายเงินที่ได้รับจากการขายสินทรัพย์ทั้งหมด (2.19 แสนล้านบาท) เป็นปันผลพิเศษ ซึ่งจะเป็นปันผลให้กับ INTUCH และหาก GULF ถือหุ้น INTUCH อยู่ 33.9% (หลังสิ้นสุดการทำเทนเดอร์) จะส่งผลให้ถือหุ้น ADVANC ทางอ้อมอยู่ 13.7% และคิดเป็นปันผลพิเศษจาก ADVANC อยู่ที่ 3 หมื่นล้านบาท

นอกจากนั้นแล้ว ปันผลมูลค่า 3 หมื่นล้านบาทนี้จะช่วยหักลบเงินลงทุนในการทำเทนเดอร์ของ GULF เพื่อซื้อหุ้น ADVANC โดย CGS-CIMB คาดไว้ราว 3.13 หมื่นล้านบาท

Back to top button