เปิดโผ 5 หุ้นขนส่ง-โลจิสติกส์ตัวท็อป! โกยกำไร Q2 โตทะลักเกิน 100%

เปิดโผ 5 หุ้นขนส่ง-โลจิสติกส์ตัวท็อป! โกยกำไร Q2 โตทะลักเกิน 100% นำโดย RCL, ASIMAR, III, JWD และ WICE


 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหลักทรัพย์กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS) ที่ประกาศงบการเงินไตรมาส 2/2564 มานำเสนอ เนื่องจากธุรกิจได้รับอานิสงส์ค่าระวางเรือทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 ออกมาเติบโตอย่างโดดเด่นกลุ่ม โดยครั่งนี้คัดเลือกหุ้นมีกำไรเติบโตเกิน 100% ได้แก่  RCL, ASIMAR, III, JWD และ WICE ดังตารางประกอบดังนี้

อันดับ 1 บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) หรือ RCL รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 3,189.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,382.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 215.08 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานไตรมาสดังกล่าวมีกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการขนส่งตู้สินค้าในไตรมาสนี้มีจำนวน 535,000 ตู้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2563 อีกทั้งค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยต่อตู้เพิมขึ้นอย่างมากถึงร้อยละ 76 เมื่อเทียบจากไตรมาส 2/63 ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 7.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบจากปไตรมาส 2/63

นอกจากนั้นบริษัทเตรียมจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2564 ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2564 และกำไรสะสม เป็นเงินสดในอัตรา 1.50 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ส.ค.2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 ก.ย.2564

อันดับ 2 บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 11.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3.81 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้มาจากงานซ่อมเรือเท่ากับ 105.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 11.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11.89 เนื่องจากงานเรือซ่อมที่สาขาสมุทรปราการสามารถรับเรือซ่อมได้เพิ่มมากขึ้นและมีมูลค่าซ่อมต่อลำสูงขึ้นสงผลให้รายได้ที่เกิดขึ้นจากเรือซ่อมเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี

รายได้จากการจัดหาเรือเท่ากับ 27.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.00 ล้านบาท เป็นการต่อเรือให้กับบริษัท อีโค มารีน ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยมีเรือกำจัดผักตบชวาอลูมิเนียม ของกรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 2 ลำ ซึ่งส่งมอบเรียบร้อยแล้ว และเรือกำจัดผักตบชวาอลูมิเนียม อีก 5 ลำ ซึ่งรับรู้รายได้สะสมที่ร้อยละ 44.70 รวมทั้งจัดหาเรือท้องแบน จำนวน 1 ลำ

อันดับ 3 บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ III รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 85.73ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 34.69 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้รวมไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ระดับ 641.5 ล้านบาท เทียบไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 346.60 ล้านบาท

บริษัทมั่นใจว่าในครึ่งปีหลัง 2564 จะยังคงรักษาความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ดีได้อย่างต่อเนื่องจากกลุ่มธุรกิจและยังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจใหม่ในทุกรูปแบบ จึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตได้เป็นเท่าของปี 2563

อนึ่งก่อนหน้านี้นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร III เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาแล้ว จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะเติบโต 30% โดยแนวโน้มการขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาและจะเข้าสู่ไฮซีซั่นของการขนส่งโดยปกติ ขณะเดียวกันพันธมิตรสายการเดินเรือ อย่าง CK Line ได้เพิ่มจำนวนเรือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้พื้นที่ขนส่งเพิ่มขึ้นอีกถึง 70% รวมทั้งยังได้ขยายเส้นทางการเดินเรือไปประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ค่าบริการขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการการที่มีมาก ในขณะเดียวกันยังประสบปัญหาเกี่ยวกับตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนที่มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดทำให้มีการลดจำนวนพนักงานในพื้นที่การทำงานของท่าเรือ ซึ่งทำให้การนำสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ล่าช้าส่งผลให้การหมุนเวียนของตู้คอนเทนเนอร์ช้าลงกว่าเดิม

สำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศ แม้ว่าสายการบินไทยแอร์เอเชียประกาศหยุดกิจการชั่วคราวในเดือน ส.ค.นี้  เนื่องจากเป็นการหยุดให้บริการเฉพาะส่วนของผู้โดยสารในประเทศที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าไม่มากนักอยู่แล้ว ซึ่งการขนส่งสินค้าเส้นทางต่างประเทศบริษัทไม่เคยมีการหยุดบินตั้งแต่การแพร่ระบาดระลอกแรก โดยบริษัทได้ให้บริการเช่าเหมาลำเพื่อขนส่งสินค้าโดยเฉพาะหรือ Charter Flight มาโดยตลาด และสายการบินได้เข้ามาให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีจำนวนมาก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัทให้มีการขนส่งเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตรายและเคมีภัณฑ์ มีความต้องการใช้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เข้ามาจากทั้งลูกค้ารายใหม่ๆ และลูกค้ารายเดิมที่ใช้บริการกับทางบริษัทอยู่แล้ว พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าพัฒนาบริการโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิร่วมกับพันธมิตรจากประเทศสิงคโปร์เพื่อรองรับกลุ่มยาและวัคซีนที่ปัจจุบันมีความต้องการจำนวนมาก และในอนาคตยังมองว่าจะมีความต้องการอีกมาก

นอกจากนี้บริษัทเตรียมจะสรุปแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุน (JV) ในช่วงที่เหลือของปี 64 นี้อีกอย่างน้อย 2 ดีลในรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศ และการขนส่งทางราง เป็นต้น

อันดับ 4 บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 115.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 48.14 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้รวมเติบโตจากรายได้การให้เช่าและการให้บริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังมีรายได้ดอกเบี้ย เงินปันผล และรายได้อื่น เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 สามารถทำรายได้เป็นสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม 1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 115.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ หากไม่นับรวมกำไรพิเศษที่เกิดขึ้น บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) อยู่ที่ 106.5 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรจากการดำเนินงานหลักอยู่ที่ 96.8 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 เนื่องจากดีมานด์ในธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ประกอบกับบริษัทฯ ขยายการลงทุนได้ตามแผนงาน โดยธุรกิจที่มีอัตราเติบโตก้าวกระโดดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้แก่ ธุรกิจขนส่งสินค้า มีรายได้ 202.7 ล้านบาท เติบโต 112.7% ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 121.2 ล้านบาท เติบโต 100.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้ 147.7 ล้านบาท เติบโต 49.2% และสามารถทำนิวไฮต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งโดยปกติไตรมาส 2 จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น ส่วนธุรกิจบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ (Logistics Infrastructure) และธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า (Self – Storage) มีรายได้เติบโตกว่า 1-3 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน

นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้จากเข้าควบรวมกิจการกับ วีเอ็นเอส ทรานส์สปอร์ต หรือ VNS จำนวน 60.7 ล้านบาท และอีก 37.6 ล้านบาท จาก JWD Asia Logistics (Cambodia) หลังเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 60% ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีรายได้รวม 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 256.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีแรก จึงคาดว่าบริษัทฯ จะทำรายได้รวมทั้งปีแตะ 5,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตกว่า 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 3,922 ล้านบาท

โดยมั่นใจว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจาก วีเอ็นเอส ทรานส์สปอร์ต และ JWD Asia Logistics (Cambodia) เทียบกับครึ่งปีแรกที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนการลงทุนจากการเข้าถือหุ้น 15% ใน บริษัท อีสเทิร์นซี แหลมฉบัง เทอร์มินัล จำกัด หรือ ESCO ผู้ประกอบการท่าเรือคอนเทนเนอร์รายใหญ่ในท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และผู้ให้บริการสถานีบรรจุและขนถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ลาดกระบัง (Inland Container Depot หรือ ICD) อย่างช้าภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ และมีแผนเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นใน ESCO เป็น 20% ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายลงทุนในธุรกิจด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะการขยายธุรกิจแบบ B2C เพื่อขยายฐานลูกค้าที่เป็นผู้บริโภค จากเดิมที่เน้นลูกค้าธุรกิจเป็นหลัก ทั้งการลงทุนในธุรกิจเดิมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถขยายฐานลูกค้าและขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี

อันดับ 5 บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ WICE รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 มีกำไรสุทธิ 111.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 55.27 ล้านบาท   

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากการให้บริการไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1,698.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 1,036.86 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ประกอบกับการขนส่งสินค้าทางบกข้ามแดนได้รับความนิยม จากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ได้มีการเพิ่ม Capacity ทำให้รายได้เติบโตขึ้นอย่างมีสาระสำคัญ

ด้านนายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยถึง ผลประกอบการครึ่งปีแรก 64 บริษัทมีรายได้รวม 2,993.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,690.03 ล้านบาท จำนวน 1,303.62 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 77.14 % และ มีกำไรสุทธิ 193.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.53 ล้านบาท จำนวน 107.48 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.66 %

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2/64 ทำสถิติใหม่ มีรายได้รวม 1,706.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,038.08 ล้านบาท จำนวน 668.20 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 64.37% และ มีกำไรสุทธิ 111.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.27 ล้านบาท จำนวน 56.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 101.60%

ทั้งนี้ ผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปริมาณงานขนส่งทางทะเล (Sea Freight) ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากการขยายตัวของตลาดหลัก ทำให้ความต้องการขนส่งสินค้ามากขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และ ค่าระวางเรือที่ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมทั้งปริมาณงานขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความต้องการขนส่งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งปริมาณงานบริการขนส่งข้ามพรมแดน (Cross border Service) ที่เพิ่มขึ้นจากการทดแทนการขนส่งหลักจากปัจจัยค่าระวางและเส้นทางการขนส่งสินค้า และได้มีการเริ่มทยอยเพิ่มปริมาณตู้ขนส่งเพื่อรองรับการความต้องการของลูกค้า

สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/64 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง บริษัทได้มีการเพิ่มเที่ยวการขนส่งในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งข้ามแดนที่มีการเพิ่มตู้คอนเทนเนอร์เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ และมีเที่ยวรถขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 1,400 เที่ยวต่อเดือน ส่งผลให้มีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดิม 40-50%

ขณะที่บริษัทได้เปิดคลังสินค้าใหม่ย่านบางนา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านซัพพลายเชนโซลูชั่นส์แบบครบวงจร โดยเน้นกลยุทธ์ให้คำแนะนำและวางแผนครบทุกกระบวนการจัดส่ง เพื่อรองรับฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจการค้าปลีก (Retail) และ กลุ่มลูกค้า E-Commerce ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 37% ,งานบริการทางอากาศ (Air Freight) 29%, ขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service ) 28% , และงานซัพพลายเชน 6%

ด้วยการดำเนินธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง จากความเชี่ยวชาญเส้นทางการขนส่ง ความพร้อมด้านพันธมิตรทางธุรกิจ และรูปแบบการให้บริการที่แตกต่างด้วยประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ประกอบกับการเพิ่มบริการใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย จึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ส่งผลให้มีปริมาณความต้องการใช้บริการขนส่งเพิ่มขึ้นในทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เป้าหมายของบริษัทในปีนี้เติบโตขึ้นกว่าที่คาดไว้จากเดิมที่ 20% เป็นประมาณ 45 %

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ ETL ซึ่งเป็นบริษัทย่อย จำนวน 2,244,898 หุ้น ราคาหุ้นละ 61.74 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท) เป็นจำนวนเงิน 138 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นใน ETL เพิ่มขึ้นเป็น 51% จากเดิม 40% โดยวัตถุประสงค์การเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อเสริมสภาพคล่องกับธุรกิจ ETL รองรับการเติบโตของการให้บริการขนส่งในประเทศและการขนส่งข้ามแดนในอนาคต

Back to top button