EPG ตั้งเป้ายอดขายปี 65 แตะ 1.1 หมื่นลบ. รับปัจจัยบวก “คลายล็อก” – เร่งฉีดวัคซีนหนุน

EPG เผยในสามไตรมาสที่เหลือจะสร้างการเติบโตอย่างเข้มแข็ง รับปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หลังการเร่งฉีดวัคซีน และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลในหลายประเทศ


รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่าตามที่ IMF ได้คาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจโลกปี 64 ที่ 6.0% และ ปี 65 ที่ 4.9% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว  ทั้งจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หลังการเร่งฉีดวัคซีน และมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล อีกทั้ง Pent Up Demand ที่เร่งตัวขึ้น สำหรับเศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกสาม ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนลดลง

ทั้งนี้จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสต่อ ๆ ไป ในปีบัญชี 64/65 (เม.ย.64 – มี.ค.65) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตได้ถึง 11,000 ล้านบาท สูงกว่ายอดขายก่อนเกิดการระบาดของ Covid-19 และปรับระดับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นที่ 29 – 32% ทั้งนี้ EPG มีสัดส่วนรายได้จากการขายของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ กว่า 70% มาจากต่างประเทศ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีรายได้จากการขายในประเทศ 95% สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจ มีดังนี้

ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ตั้งเป้าทำการตลาดสำหรับสินค้าพรีเมี่ยมเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา จะนำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ได้ทดสอบการผลิตช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.64 เตรียมพร้อมขยายตลาดรองรับความต้องการในอนาคต ส่วนตลาดยุโรปปรับตัวดีขึ้น ตลาดญี่ปุ่นทยอยฟื้นตัว ส่วนตลาดในประเทศชะลอตัวช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.64 หากมีการคลายล็อคดาวน์ น่าจะทยอยฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม ฉนวน AEROFLEX จัดเป็นสินค้าจำเป็นที่ใช้ในระบบปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อุตสาหกรรมยา และ คลีนรูม เป็นต้น จึงทำให้ AEROFLEX สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้ดี

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS ยอดขายมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเติบโตตามอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ ยานยนต์ส่วนตัวแทนระบบขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถกระบะซึ่งใช้งานอเนกประสงค์ ประกอบกับ AEROKLAS มีจุดแข็งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายทั้ง OEM/ ODM (Original Design Manufacturer) After Market และการส่งออก จึงสามารถใช้ช่องทางดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เกิด Synergy ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของ AEROKLAS

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความนิยมท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นและความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ปรับสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้การแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่ในออสเตรเลีย ส่งผลให้มีการล็อคดาวน์ในบางรัฐ เช่น นิวเซาท์เวลส์ และวิคตอเรีย ส่งผลกระทบกับร้านค้า TJM บางส่วน เนื่องจากร้านค้าภายใต้แบรนด์ TJM กระจายทั่วออสเตรเลีย อีกทั้งมีแพลทฟอร์มออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางการจัดจำหน่ายซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้า

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกสาม ส่งผลต่อการอุปโภคบริโภคภายในประเทศลดลง กดดันยอดขายของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรจุภัณฑ์ประเภทถ้วยน้ำ อย่างไรก็ตามบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด สามารถชดเชยยอดขายด้วยบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหารซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคในยุควิถีใหม่ (New Normal) ที่นิยมสั่งอาหารแบบจัดส่งถึงที่(Delivery) หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้านมากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ปีบัญชี 64/65 (เม.ย.64 – มิ.ย.64) บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,934 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติยอดขายสูงสุดรายไตรมาส โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 1,952 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33% และสร้างสถิติสูงสุดใหม่ของกำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 450 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 503% รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

Back to top button