“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! ดาวโจนส์ร่วงกดดัน หวั่นโควิดเดลต้าฉุดศก.

“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน อีกทั้งนลท.กังวลโควิดสายพันธุ์เดลต้าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้ล่าช้าลง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ โดยบางส่วนนั้นได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.2564) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,673.40 จุด ลดลง 3.19 จุด หรือ -0.09%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,819.55 จุด ลดลง 96.59 จุด หรือ -0.32% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 26,396.11 จุด เพิ่มขึ้น 42.48 จุด หรือ +0.16%

สำหรับตลาดหุ้นในภูมิภาคถูกกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้  โดยรอนนีวอล์คเกอร์ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคเริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้น ซึ่งได้แก่ การระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในไตรมาส 3, มาตรการกระตุ้นด้านการคลังที่เริ่มแผ่วลง และการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของภาคบริการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะกลาง และคาดว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากกว่าที่คาดไว้ในเบื้องต้น

นอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกกังวลถึงแนวโน้มการกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้ช้าลง รวมถึงการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยตลาดยังคงจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านสำนักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.2564) ขยายตัว 1.90% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยปรับเพิ่มขึ้นจากการขยายตัว 1.30% ในการรายงานครั้งแรก

อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 0.50% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส

ทั้งนี้การใช้จ่ายทุนที่แข็งแกร่งช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น ยังคงกดดันการใช้จ่ายในภาคบริการ และบดบังแนวโน้มเศรษฐกิจก็ตาม

 

 

Back to top button