จับตา ครม.วันนี้ เตรียมปรับแผน EEC ลุ้นเคาะสัญญาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3

ครม.เผย เตรียมปรับแผน การจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม EEC พร้อมทั้งลุ้นเคาะ สัญญาโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มูลค่ากว่า 7.92 หมื่นล้านบาท โดยการลงทุนของภาครัฐราว 4.83 หมื่นล้านบาท และกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประมาณ 3.08 หมื่นล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (5 ต.ค. 64) ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือครม. แบบเต็มคณะวันนี้ มีวาระที่น่าสนใจ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือ EEC รายงานผลการประชุมครั้งที่ 2/2564 เรื่องการจัดตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม และอาจมีการนำเสนอผลการคัดเลือกเอกชน การเจรจา และร่างสัญญาร่วมลงทุนที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานอัยการสูงสุด ของโครงการพัฒนา ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F

ทั้งนี้โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 คาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนกว่า 7.92 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนของภาครัฐราว 4.83 หมื่นล้านบาท และการลงทุนของเอกชนประมาณ 3.08 หมื่นล้านบาท โดยเอกชนผู้ชนะประมูลโครงการได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เป็นการร่วมทุนกันของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัท พีทีทีแทงค์เทอร์มินัล จำกัด (PTT Tank) และ บริษัท ไชนาร์ฮาเบอร์ เอ็นจิเนียร์ริ่ง จำกัด โดยถือหุ้นในสัดส่วน 40%, 30% และ 30% ตามลำดับ

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม เสนอเรื่องกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดเครื่องหมายถาวรของเรือไทย

ส่วนกระทรวงการคลังเสนอ ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี และการร่วมลงทุน (Venture Capital) กับผู้ประกอบการภาคการเกษตรไทยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ด้านกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วน ราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

สำหรับกระทรวงยุติธรรม เสนอรายงานผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทำร้ายร่างกายและ ยึดทรัพย์สินโดยไม่บันทึกลงในบัญชีของกลาง

อีกทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอความเห็นชอบต่อร่างขอบเขตการดำเนินงานรางวัลด้านสวัสดิการสังคมและ การพัฒนาดีเด่นแห่งอาเซียน

ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรม ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2563 เรื่อง การพักชำระหนี้ ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี 2559 – 2561 และปี 2562 – 2564 และขอขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้โครงการ ส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2559 – 2561

ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอก่อสร้างโครงการอาคารอัดน้ำ บ้านหินดาด อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขออนุมัติการสนับสนุนการจัดโครงการ The Michelin Guide Thailand ประจำปี พ.ศ.2565 – 2569  เป็นระยะเวลา 5 ปีงบประมาณ กระทรวงศึกษา ขอการพัฒนายกระดับคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ จุฬาภรณราชวิทยาลัย

 

 

 

Back to top button