
เด้งแบบเดิม..ลงแบบเดิม
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นแบบวันต่อวัน หลังตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของดัชนีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นแบบวันต่อวัน หลังตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นลงของดัชนีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา “โมนิก้า” เลยไม่แน่ใจว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,089.56 จุด บวกไป 7.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.72 หมื่นล้านบาทเป็นการรีบาวด์หลังจากดัชนีลงแรงเมื่อศุกร์ที่แล้ว หรือเป็นการทะยานขึ้นรอบใหม่ หลังปัจจัยลบไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ไว้อะป่าว?
ประเด็นถัดมาที่นักลงทุนต้องเริ่มคิดก็คือ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นเช่นไร? เพราะกระแสข่าวที่อีฉันได้ยินพวกแมงลือคุยกันให้แซ่ด..มันไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้สบายใจเลยสักอย่าง! ไล่เรียงตั้งแต่ประเทศมหาอำนาจยังใช้ยุทธวิธีสาดน้ำมันเข้ากองไฟไม่เลิก ถัดมาก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในสถานการณ์ชะลอตัว และเมื่อย้อนกลับมาดูประเทศไทยยังสาละวนอยู่กับเรื่องการเมืองแบบนี้..เหนื่อยแทนเลยค่ะ
ฉะนั้นการที่ดัชนียังวนเวียนไปมาในกรอบเดิม ๆ “โมนิก้า” ก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฟังมากไปกว่าเดิม เพราะสถานการณ์โดยรวมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งดูได้จากการขึ้นของดัชนี 10 จุดในช่วงเปิดเทรด ก็เป็นผลมาจากแรงหนุนของหุ้น DELTA มากถึง 3 จุด หรือแม้กระทั่งหุ้นแบงก์ที่หลายคนคาดหวังจะเป็นกองหนุนตลาดหุ้นไทย กลับมีอาการ “ตื้อ ๆ ตัน ๆ” เสียอย่างนั้น!..มันจะไปต่อยาว ๆ กันได้อย่างไรจ๊ะ
เหมือนกับการเจรจายืดหนี้ให้กับ “คิง เพา เวอร์” ของเจ้าหนี้ใจดีอย่าง AOT มันเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า หนทางนี้เจ็บน้อยสุด! ส่งผลให้นักลงทุนเลือกเทขายหุ้นเพื่อปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเห็นกันทนโท่ว่า งบปีนี้ออกมาไม่ดีแน่ ๆ แถมยอดนักท่องเที่ยวก็ลดลงเสียด้วย “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า หุ้นจะลงไปหาโลว์เก่าที่ระดับ 26.75 บาท หลังวานนี้ยืนปิดที่ 30.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.06 พันล้านบาทนะซี
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น WHA เป็นรายถัดมา เพราะเมื่อดูสภาพเศรษฐกิจที่ชลอตัว และเรื่องเทรดวอร์ยังไม่จบ อีฉันเลยไม่แน่ใจว่า สถานการณ์ในครึ่งปีหลังจะผิดแผนไปจากที่ได้ประกาศไว้ขนาดไหน? จึงเข้าใจว่า การแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ ร่วมสัปดาห์ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 3.16 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 313 ล้านบาท น่าจะเป็นการรอความชัดเจน ก่อนจะเลือกทางว่า “ขึ้น” หริอ “ลง” นะคะ
ขนาดในรายที่มีแนวทางชัดเจนในการเติบโตอย่างหุ้น CPF ยังถูกขายหนักเมื่อมีเรื่องร้ายเข้ามากระทบ “โมนิก้า” ถึงมองว่า สถานการณ์ของหุ้นต่อจากนี้จะขึ้นอยู่กับงบไตรมาส 2 จะออกมาดีขนาดไหน? ซึ่งจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่บริเวณ 26.50 บาท อีฉันถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 23 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 6.70 เท่า น่าซื้อจริงไหม?
สถานการณ์ข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น BDMS ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 20.80 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 1.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 782 ล้านบาท เป็นการเทรดบน PE 20 เท่า มันเป็นระดับที่ต่ำสุด ๆ รอบ 4 ปีแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นระดับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างแน่นอน และเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีแน่นปึ้กไว้ในพอร์ตนะจะบอกให้
ส่วนรายที่เริ่มฟื้นตัวอย่างหุ้น ITC ก็เป็นช็อตที่น่าตามไปดูเหมือนกัน เพราะภาพรวมของธุรกิจไม่ทรุดฮวบเหมือนที่นักลงทุนกังวล อีกทั้งการยืนปิดที่ระดับ 11.60 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 349 ล้านบาท ก็เป็นการเทรดบน PE 10 เท่า “โมนิก้า” ถึงมองภาพของหุ้นตัวนี้ในเชิงบวก เพราะราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายมากเกินไป จึงถึงเวลาขึ้นไปยืนบนราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่โบรกฯ ให้ไว้แถว 14 บาทเสียทีนะนายจ๋า!
โมนิก้าและทีมงาน