เคาะ 6 หุ้น “สื่อ-สิ่งพิมพ์” ลุ้น Q3 ฟื้นเด่น-ราคา Laggard ชู MAJOR-WORK “ท็อปพิค”

เคาะ 6 หุ้น “สื่อ-สิ่งพิมพ์” ลุ้นผลงานไตรมาส 3 ฟื้นเด่น-ราคา Laggard ชู MAJOR-WORK “ท็อปพิค”


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมข้อมูลและประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงที่เหลือของปี 2564 และแนวโน้มการลงทุนในปี 2565 หลังจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่เริ่มคลี่คลาย และเริ่มทยอยปลดล๊อกกิจกรรมทางธุรกิจต่อเนื่อง

สำหรับครั้งนี้ทำการรวบรวมข้อมูลในกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ (Media) มานำเสนอโดยอ้างอิงข้อมูลจากบทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน ซึ่งมีมุมมองต่อกลุ่ม Media ว่า เม็ดเงินโฆษณาเดือน ก.ย.2564 หดตัว -18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -1% เทียบเดือนก่อนหน้า แย่กว่าคาดว่าจะฟื้น เทียบเดือนก่อนหน้า ตามสถานการณ์ COVID-19 ที่ดีขึ้น

โดยสื่อนอกบ้านยังหดตัวหนักกว่าสื่อทีวี มีเพียงสื่อดิจิทัลที่ฟื้น +11% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ +18% เทียบเดือนก่อนหน้า รวมงวดไตรมาส 3/2564 เม็ดเงินโฆษณาหดตัว -13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ -11% เทียบไตรมาสก่อนหน้า

อย่างไรก็ตามคาดเม็ดเงินโฆษณาฟื้น เทียบเดือนก่อนหน้า ในเดือน ต.ค. 2564 จากภาครัฐผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นผู้ประกอบการและผู้บริโภค แต่ยังหดตัว เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน (ช่วงเดียวกันของปีก่อนรัฐคุมสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ได้ดีกว่าปีนี้,ยอดผู้ติดเชื้อ ต.ค.2563 เฉลี่ยราว 3 พันคน/วัน เทียบเดือนต.ค. 2564 เฉลี่ยราว 1 หมื่นคน/วัน)

ทั้งนี้ยังให้น้ำหนัก Bullish หรือ แนะนำ “ซื้อ” และ “ซื้อเก็งกำไร”กลุ่ม Media โดยคาดผลประกอบการปี 2564 กลุ่มสื่อทีวีฟื้นตัวเด่นจากการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น ได้แก่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)  หรือ BEC และ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK

ส่วนกลุ่มโรงหนังและสื่อนอกบ้านได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR , บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI  และ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB และสื่อที่มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Commerce สูง ได้แก่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS คาดครึ่งปีหลัง 2564 ได้ประโยชน์จากธีม Reopening และราคาหุ้นยัง Laggard กลุ่มฯ

ทั้งนี้เลือก MAJOR เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มฯ แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 24 บาท จากธีม Reopening กลับมาเปิดโรงหนังตั้งแต่ 1 ต.ค. 2564 และคาดกำไรไตรมาส 3/2564 ฟื้นตัวโดดเด่นเป็นกว่า 2 พันล้านบาท จากกำไรพิเศษจาการขายหุ้น SF อีกทั้งคาดจ่ายเงินปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 1.00 บาท/หุ้น (คิดเป็น Dividend yield 4-5%)

ส่วนตัวรองของกลุ่มฯเลือก WORK แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 24 บาท มีความน่าสนใจจากราคาหุ้นที่ยัง Laggard (PE22F อยู่ที่ 19x vs BEC ที่ 26x

Back to top button