IAA เปิดมุมมอง “นักวิเคราะห์ฯ” พบ 80% มองข้ามหุ้น T3 ชี้ข้อมูลน้อย-ไม่มั่นใจแผนธุรกิจ

IAA เปิดเผยมุมมองของ “นักวิเคราะห์ฯ” พบ 80% ไม่ติดตามหุ้นถูกขึ้นมาตรการระดับ 3 เหตุข้อมูลน้อย-ไม่มั่นใจแผนธุรกิจ แนะตลท.-สมาคมฯ ประสานงาน


สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) เปิดเผยถึง มุมมองของนักวิเคราะห์ฯ ที่มีต่อหุ้นที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 (T3) ว่า จากการติดตามภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ สมาคมนักวิเคราะห์ฯ มีข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมา มีหลักทรัพย์จำนวนหนึ่งที่มีราคาซื้อขายพุ่งทะยานขึ้นหลายเท่าตัว โดยไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงานที่ประกาศแล้ว กระทั่งตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนดให้ดำเนินมาตรการด้านการซื้อขาย T1, T2 และ T3 ตามลำดับของความไม่สอดคล้องกับผลดำเนินงาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันอาจจะเกิดต่อนักลงทุน และระบบโดยรวมของตลาด โดยกลุ่มหุ้นในระดับ T3 เป็นกลุ่มที่ผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุนมีความห่วงว่าผู้ลงทุนรายย่อยจะมีข้อมูลสำคัญและข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนหรือไม่

ทั้งนี้ทางสมาคมนักวิเคราะห์ฯ จึงได้ทำการสำรวจข้อเท็จจริงและความเห็นจากสมาชิกนักวิเคราะห์การลงทุน เกี่ยวกับหุ้นที่อยู่ในกลุ่ม T3 (ณ วันที่ทำการสำรวจ 18 – 21 ต.ค. 2564 โดยได้รับข้อมูลตอบกลับจาก 26 สำนักวิจัย)

โดยผลการสำรวจทางสมาคมฯพบว่า 81% ของทีมวิจัย ไม่ทำการติดตามหุ้นในรายชื่อ T3 เลย อีก 19% ของทีมวิจัยมีการติดตามข้อมูลข่าวและข้อมูลผลการดำเนินงานที่ประกาศ โดยมี 15% ของทีมวิจัย (4 ทีม) ที่มีการตอบคำถามด้วยวาจาต่อ IC และ นักลงทุน เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนและความเสี่ยง แต่ไม่มีทีมวิจัยใดเลยที่เขียนบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน หรือ การเขียน Comment ทางปัจจัยพื้นฐานต่อท้ายข่าว

อย่างไรก็ดีสมาคมฯยังได้สอบถามถึงเหตุผลของทีมวิจัยที่ไม่ได้มีการจัดทำบทวิเคราะห์ พบว่า ประกอบด้วยหลายสาเหตุ เรียงลำดับตามที่ตอบมามากที่สุด คือ

1.ไม่มี Demand มาจาก IC และนักลงทุนของบริษัท มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 50%

2.นักวิเคราะห์เห็นว่าระดับราคาแพงเกินไป จนกระทั่งแผนงานวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทแสดงก็ไม่สามารถมารองรับระดับราคาได้ นักวิเคราะห์ไม่ต้องการเขียน Initaial Report โดยการแนะนำขาย ซึ่งมีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 42%

3.หุ้นกลุ่มดังกล่าว มีข้อมูลที่เผยแพร่น้อย และมีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 39%

4.หุ้นดังกล่าว ไม่มาให้ข้อมูลใน OPP Day มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 31%

5.นักวิเคราะห์ไม่สามารถติดต่อสัมภาษณ์ หรือขอรับข้อมูลเพิ่มเติม จากบริษัทหุ้น T3 ที่จัดให้เฉพาะนักวิเคราะห์ มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 27%

6.ไม่มั่นใจว่าธุรกิจใหม่ๆ หรือวิสัยทัศน์ใหม่ที่บริษัทหุ้น T3 จะประสบความสำเร็จ มีทีมวิจัยที่เลือกตอบข้อนี้ 19%

สำหรับคำตอบดังกล่าวจากการ Survey ครั้งนี้ ยืนยันได้ถึงการขาดแคลนเป็นอย่างมากของข้อมูลวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานหุ้นในรายชื่อ T3 ทั้งๆที่หุ้นในกลุ่มนี้ มีผลดำเนินงานที่ประกาศไปแล้วไม่สอดคล้องกับระดับราคาหุ้น ดังนั้นการที่ผู้ลงทุนจะเข้าลงทุนหุ้นในกลุ่ม T3 นี้ จึงจำเป็นต้องมีการประเมินวิสัยทัศน์ และต้องวิเคราะห์อนาคตในประเด็นการทำธุรกิจใหม่ๆของบริษัทเหล่านี้ สมาคมฯมองว่าน่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยโดยทั่วไป ที่จะวิเคราะห์คาดการณ์ได้อย่างมั่นใจ และสมาคมฯเห็นว่า หลักทรัพย์ในกลุ่มรายชื่อนี้ มีความเสี่ยงมากกว่าระดับโดยเฉลี่ยของหลักทรัพย์ปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ

อนึ่งเพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดบทวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน ทางสมาคมฯได้สอบถามทีมวิจัยถึงความต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมฯสนับสนุนด้านใดบ้าง ได้รับคำตอบว่า ต้องการให้ช่วยประสานงานให้บริษัทกลุ่ม T3 ทำการจัด Analyst meeting โดยมีผู้ตอบประเด็นนี้ถึง 69%

นอกจากนี้มีทีมวิจัย 31% ที่ต้องการให้จัดหลักสูตรอบรมเทคนิคในการวิเคราะห์หุ้นที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ แก่นักวิเคราะห์ฯ โดยเชิญนักวิเคราะห์อาวุโสที่มีประสบการณ์เห็นหุ้นที่มีความหวือหวาและเสี่ยงสูงมาหลายสิบปี เป็นผู้บรรยายมีทีมวิจัยประมาณ 12% ที่เสนอให้ ตลาดหลักทรัพย์ฯมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนข้อเสนออื่นๆที่ทีมวิจัยกล่าวถึงอีก ได้แก่ อยากให้ทางตลาดบอกถึงหลักเกณฑ์การ ขึ้นเครื่องหมาย T1 – T3 ที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น

หมายเหตุ

ปัจจุบันหลักทรัพย์ที่อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ3 (T3) บริษัทหลักทรัพย์สมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯต้องดำเนินการดังนี้

1.ให้ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ ต้องวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ

2.บริษัทสมาชิกห้ามนำหลักทรัพย์ ที่อยู่ในรายชื่อ T3 คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายในทุกประเภทบัญชี

3.บริษัทสมาชิกห้ามหักกลบค่าซื้อและค่าขายหลักทรัพย์ ที่อยู่ในรายชื่อ T3 ในวันเดียวกัน

 

 

 

Back to top button