เปิดโผ 6 หุ้น SET100 แรลลี่ยาว 10 เดือน! PSL-RBF-GUNKUL นำทีมฟันรีเทิร์นเกิน 100%

เปิดโผ 6 หุ้น SET100 แรลลี่ยาว 10 เดือน! PSL-RBF-GUNKULนำทีมฟันรีเทิร์นเกิน 100% พ่วงเก็บ 12 หุ้นต่ำบุ๊ก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการสำรวจราคาหุ้นกลุ่ม SET100 ในช่วง 10 เดือนแรก 2564 มานำเสนอ เพื่อให้เห็นทิศทางราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาอย่างชัดเจน อีกทั้งเพื่อเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดฯ โดยครั้งนี้เทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.63-30 ต.ค.64

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ในช่วง 10 เดือนปี 2564 ยังเป็นขาขึ้นโดยเห็นได้จากดัชนียืนที่ระดับ 1,449.36 จุด (ณ 30 ธ.ค.63) มาอยู่ที่ระดับ 1,623.43 จุด (ณ 30 พ.ย.63) บวก 174.08 จุด หรือ 12.01% แม้ว่าภาวะตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามก็ยังมีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นและทะยานขึ้นแรงสวนปัจจัยลบดังกล่าวอย่างแข็งแกร่ง โดยครั้งนี้คัดเลือก 6 อันดับแรกของกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงเกิน 100% มานำเสนอ ได้แก่  PSL, RBF, GUNKUL, KCE, JMART และ HANA โดยจะขอนำเสนอข้อมูลประกอบให้ 3 อันดับแรกเพื่อเป็นข้อมูลดังนี้

โดยหุ้นที่ราคาทะยานแรงตลอด 10 เดือน อันดับ 1 คือ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ราคาหุ้นในช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 138.16% จากระดับ 7.60 บาท ณ วันที่ 29 ต.ค.2564 มาอยู่ที่ระดับ 18.10 บาท ณ วันที่ 29 ต.ค.64 คาดเก็งกำไรจากค่าระวางเรือ BDI index ทะยานแรงต่อเนื่อง และผลงานปีนี้โตเด่นและรับแรงหนุน

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(3 พ.ย.64) ว่า บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL กำไรปกติไตรมาส 3/2564 โต 56% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และพลิกจากขาดทุนปีก่อนตามค่าระวางเรือที่พุ่ง

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2564 อาจชะลอ เทียบไตรมาสก่อนหน้า ตามฤดูกาล แต่ภาพรวมดีกว่าที่เคยประเมินจึงปรับเพิ่มกำไรปี 2564 ขึ้น 37% เป็น 3,432 ล้านบาท สูงเป็นประวัติการณ์ แต่คาดกำไรปี 2565 ลดลง 17% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการชะลอการปรับขึ้นของค่าระวางเรือเทกอง ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 21 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงทำให้ Upside เปิดกว้างอีกครั้ง จึงกลับมาแนะนำ “ซื้อ”

อันดับ 2 บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF ราคาหุ้นในช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 119.35% จากระดับ 9.30 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 20.40 บาท ณ วันที่ 29 ต.ค. 2564 ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่มาจากพื้นฐานบริษัทที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มธุรกิจในปีนี้เติบโต

อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากธุรกิจกัญชงหลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ออกใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เลขที่ใบอนุญาต 1/2564 (มป)  เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม โดยบริษัทจะสามารถดำเนินการสกัดสารสำคัญทางพืชกันชงที่มาจากแปลงปลูกที่ได้รับอนุญาต Cannabidol หรือ CBD และ Tetrahydrocannabinol หรือ THC ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น RBF ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565 ขึ้นเป็น 23 บาท/หุ้น จากเดิม 17 บาท/หุ้น โดยบริษัทเริ่มเดินหน้าขอใบอนุญาตโรงสกัด และปลูกกัญชงบนพื้นที่จ.เชียงใหม่แล้ว รวมถึงเริ่มมีเกษตรเครือข่ายของบริษัททยอยขอใบอนุญาตเช่นเดียวกันขนาดพื้นที่รวม 500-1,000 ไร่ กอปรกับมีการติดต่อกับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้นาเข้าเมล็ดพันธุ์ 1 ใน 7 แล้ว โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้การขาย CBD Isolate ราว 600 ล้านบาท/ 1 Crop

ทั้งนี้มองว่ามีโอกาสที่จะเริ่มรับรู้รายได้อย่างเร็วในปี 2565 และมองว่าที่เป้าหมายรายได้ดังกล่าวมีความเป็นไปได้บนสมมติฐานพื้นที่ปลูก 300-450 ไร่ และราคาขาย 2-3 แสนบาท/กก. ใกล้เคียงกับราคาที่มีการขายผ่านเว็บไซต์ในปัจจุบัน ดังนั้นจึงปรับเพิ่มรายได้ปี 2565-2566 ขึ้น 25%-28% นำไปสู่การปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี  2565-2566 ขึ้น 18%-30% เป็น 1,142 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 64.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน) และ 1,338 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ตามลำดับ

อันดับ 3 คือ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL  ราคาหุ้นในช่วง 10 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 114.29% จากระดับ 2.52 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 5.40 บาท ณ วันที่ 29 ต.ค.2564

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสินระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 3/2564 ที่ 612 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 211% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 19% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) และกำไรสุทธิที่ 652 ล้านบาท (ลดลง 35% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +25% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) โดยกำไรปกติโตแรง เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากลมที่กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเป็น high season

โดยคาดกำไรปกติปี 2564 โตสูง 54% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,202 ล้านบาท จากลมที่ฟื้นตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า solar farm ที่เวียดนาม 100 MW (ซื้อในไตรมาส 4/2564) ด้านธุรกิจกัญชงบริษัทกำลังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตเพาะปลูก ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มปลูกได้ในเดือน พ.ย. และเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งแรกปี 2564 รวมถึงมีการเข้าไปลงทุน (ถือ 50%) ในบริษัท THCG ซึ่งจะช่วยหนุนธุรกิจกัญชง-กัญชาให้ครบวงจรและรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ได้เร็วขึ้น หนุนกำไรปี 2565 โตสูง +30%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 2,855 ล้านบาท

ด้าน Valuation: ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายบน PER ปี 65 ที่ 17 เท่า และมีดิวิเดนท์ยีลด์ 2-3% ต่อปี แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/2564 เด่นจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่กลับมาดี และคาดธุรกิจกัญชงเห็นความคืบหน้าเร็วๆ นี้ และมีโอกาสสูงในการคว้าโครงการ solar ใหม่ๆ ในเวียดนาม

นอกจากนี้ยังได้คัดหุ้นพื้นฐานแกร่งราคาต่ำกว่าบุ๊กและราคาขึ้นช้ากว่าตลาดมานำเสนออีกด้านโดย 12 หุ้นต่ำบุ๊กได้แก่ BBL, KBANK, EGCO, TCAP, KTB, BCP, PTTGC, TOP, TTB, AP, QH และ RATCH ดังตารางประกอบ เพื่อเป็นข้อมูลให้นักลงทุนใช้พิจารณาในการตัดสินใจเลือกสะสมหุ้นเข้าพอร์ตอีกครั้งเพื่อรอตลาดฟื้นตัวแรงหลังจากเปิดประเทศ คาดจะหนุนให้ธุรกิจฟื้นตัวเด่นหลังจากที่รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19

ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์การลงทุนเดือน พ.ย. ประเมินกรอบ SET Index เดือน พ.ย. ที่ 1,590-1,655 จุด สร้างฐานระยะสั้นและจับตาทั้งปัจจัยต่างประเทศด้านการลด QE ของ FED และเงินเฟ้อ รวมถึงการเริ่มเปิดประเทศและประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 3/2564 ของบ้านเรา หากโดยรวมออกมาไม่แย่กว่าคาดและข้อมูลจากผู้บริหารจากการประชุมนักวิเคราะห์ค่อนไปในทางบวกต่อการฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564-ปี 2565 คาดหนุนให้ SET Index ค่อยๆไต่ระดับขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button