TOP โชว์ผลงาน Q3 โต 2 เท่าตัว หนุน 9 เดือนพลิกกำไร 7.5 พันลบ. รับรายได้ขายพุ่ง

TOP โชว์ผลงาน Q3/64 โตเกือบ 2 เท่าตัว แตะ 2.06 พันลบ. หนุน 9 เดือนแรกของปีพลิกมีกำไร 7.5 พันลบ. รับรายได้ขายพุ่ง - กำไรสต๊อกน้ำมันหนุน


บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

โดยเมื่อเทียบไตรมาส 3/64 กับไตรมาส 3/63 กลุ่มไทยออยล์มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงเล็กน้อย โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 22,843 ล้านบาท ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมัน เพิ่มขึ้น 4.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าดกับน้ำมันดิบดูไบปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลขับขี่ที่เพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศมีมาตรการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรปและสหรัฐฯ

ประกอบกับอุปทานน้ำมันเบนซินที่ตึงตัวจากพายุเฮอริเคนไอดา รวมถึงจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศทั่วโลกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำมันเตาปรับตัว เพิ่มขึ้นอย่างมากจากอุปทานที่ตึงตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2563 ส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ก็ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอุปสงค์โดยรวมที่ปรับสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา

ขณะที่ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดก็มีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากอุปสงค์ของสาร LAB ที่ยังคงดีอย่างต่อเนื่องและอุปทานยังตึงตัว นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 929 ล้านบาทจาก ไตรมาส 3/63 และมีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 280 ล้านบาท เทียบกับการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 378 ล้านบาทใน ไตรมาส 3/63 เมื่อรวมกับผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 479 ล้านบาท เทียบกับกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 144 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มี EBITDA เพิ่มขึ้น 2,965 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 3/64 กลุ่มไทยออยล์มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 1,462 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิเพิ่มขึ้น 770 ล้านบาท ขณะที่มีต้นทุนทางการเงินลดลง 221 ล้านบาทจากการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนของสินทรัพย์เมื่อหักค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,348 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปี ก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 เทียบกับปี 63 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 231,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48,598 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงจากการปรับแผนการผลิตให้สอดคล้องกับ สภาพตลาดที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้จากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบดูไบ ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับ น้ำมันเตา และส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก

รวมถึงกำไรขั้นต้นของกลุ่มธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.9 เหรียญ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 4.9 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในงวด 9 เดือนของปี 64

นอกจากนี้ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 12,354 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,190 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 63 อย่างไรก็ตาม มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 242 ล้านบาท ลดลง 390 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เมื่อรวมผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิ 654 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA ที่ 22,060 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุน EBITDA ที่  5,549 ล้านบาทในงวด 9 เดือนแรกของปี 63

อย่างไรก็ตาม กลุ่มไทยออยล์มีผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน 2,256 ล้านบาท และมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 5,118 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ เมื่อหักต้นทุนทางการเงิน 2,637 ล้านบาท ซึ่งลดลง 616 ล้านบาทจากการรวมต้นทุนการกู้ยืมเป็นส่วนหนึ่งของราคาทุนของ สินทรัพย์ ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว ในงวด 9 เดือนของปี 64 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 7,545 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนสุทธิ 10,559 ล้านบาท จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

Back to top button